ก ไก่ เช้าขันเตือน
คุณพ่อจรัล ทองปิยะภูมิ
จิตตาธิการ
สภาการศึกษาคาทอลิกแห่งประเทศไทย
คำนิยม
หนังสือกลอนคุณธรรมกำกับอักษรไทย “ก ไก่ เช้าขันเตือน” เล่มนี้ เป็นการนำคำสอนคุณธรรมมานำเสนอให้น่าสนใจด้วยภาษาที่เรียบง่าย น่าอ่าน โดยใช้อักษรภาษาไทยจาก ก ข ค จนถึง ฮ มาเรียบเรียงเขียนเป็นคำกลอนง่าย ๆ สำหรับเด็ก ทำให้พวกเขาจดจำคำสอนได้ง่ายและอย่างรวดเร็ว ดังนั้นการนำเสนอคำสอนด้วยวิธีนี้ จึงเป็นเสน่ห์อีกแบบหนึ่ง ซึ่งถ้าผู้สนใจได้อ่านบทกลอนนี้แล้วก็จะทำให้จดจำและเข้าใจได้ง่าย ดังตัวอย่างการนำเสนอใน อักษร “ญ” ดังนี้
ญ หญิง สงวนตัว ไม่เมามัว รู้เฉลียว
บริสุทธิ์ ดุจใจเดียว สำคัญเชียว รักษาวจี
กลอนบทนี้สอนการรักษากาย วาจา ใจ สงวนตัว คือ รักษากาย รักษาวมจี คือ รักษาวาจา ใจเดียว คือ รักษาใจ นี่คือความบริสุทธิ์ของมนุษย์ ดังคำกล่าว “คิดดี พูดดี ทำดี” ให้กาย วาจา ใจ อยู่ในครรลองคลองธรรม สังคมมนุษย์มีความเสื่อมศีลธรรมทางเพศอย่างน่าตกใจ การศึกษาต้องสามารถหล่อหลอมเด็กและเยาวชนให้มีพลังทางศีลธรรม สังคมจึงจะอยู่รอด
ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ความพยายามและความตั้งใจในการจัดทำหนังสือเล่มนี้ของผู้แต่ง จะทำให้หนังสือเล่มนี้กลายเป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาสำหรับบิดามารดา ครูบาอาจารย์ และผู้ที่สนใจ ที่จะช่วยอบรมเด็ก ๆ บุตรหลาน ลูกศิษย์ ให้เติบโตเป็นเยาวชนที่มีคุณภาพของชาติต่อไป
เจษฎาจารย์ ประทีป มาร์ติน โกมลมาศ
อธิการบดีกิตติคุณ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
๑ สิงหาคม ๒๕๕๘
คำนำ
พ.ศ. ๒๔๔๒ สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงเห็นว่าเด็กหลายคน เมื่อเริ่มเรียนหนังสือแล้ว ก็เลิกเรียนหนังสือไป เพราะรู้สึกว่าเรียนตัวอักษรเป็นเรื่องยาก จึงทรงเริ่มคิดคำกำกับพยัญชนะครบทั้ง ๔๔ ตัว ตีพิมพ์ในหนังสือแบบเรียนเร็ว คือ ก ไก่ ข ไข่ ฃ ฃวด ค ควาย ฯลฯ
ก ไก่ คำกลอน เริ่มมีเมื่อครูย้วน ทันนิเทศ แต่งเผยแพร่ในหนังสือแบบเรียนไว พ.ศ. ๒๔๗๓ ก ไก่ ครูย้วนเริ่มต้นด้วยคำว่า ก เอ๋ย ก ไก่ ข ไข่ มาหา ฃ ฃวดน้องชาย ค ควายเข้านา ฅ ฅน ขึงขัง กลอนสี่ของครูย้วน ทำให้เด็ก ๆ ท่องจำกันอย่างสนุกสนานทั่วประเทศ
จนถึง พ.ศ. ๒๔๙๐ เมื่อบริษัทประชาช่างจำกัดพิมพ์แบบเรียน ก ไก่ ชั้นเตรียม ออกมา ก ไก่ ฉบับครูย้วนก็ค่อยๆ หายไปจากเมืองไทย เพราะ ก ไก่ ฉบับประชาช่างพิมพ์แบบสี่สี มีภาพประกอบสวยกว่า นับแต่นั้นเด็กไทยก็จดจำ ก ไก่ ฉบับประชาช่างเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน แม้จะมี ก ไก่ คำกลอนสำนวนอื่นแต่งขึ้นมา ก็สู้ ก ไก่ ฉบับประชาช่างไม่ได้ จากปากคำของโอภาส นาคบัลลังก์ หรือ เป้ สีน้ำ ครูชินเป็นผู้แต่งกลอนให้ประชาช่าง
ใน พ.ศ. ๒๕๕๕ กลอนคุณธรรม “ก ไก่ เช้าขันเตือน” ถูกแต่งขึ้นเพื่อสอนคุณธรรมที่ควรมีในสังคมไทย กลอนที่ใช้ เป็นกาพย์ยานี ๑๑ เหมือนกลอน “ยี่สิบม้วน” ที่เด็กไทยทุกคนรู้จักดี กาพย์ยานี ๑๑ เป็นกลอนที่ท่องสนุกปาก มีจังหวะ เด็กๆ จึงชอบ
โรงเรียนควรใช้กลอน ก เอ๋ย ก ไก่ ข ไข่ ในเล้า ต่อไป เพราะคำที่ใช้ในกลอนนี้ทำให้ “จำอักษร” ได้โดยง่าย กลอน “ก ไก่ เช้าขันเตือน” ควรใช้เป็นกลอนทั้งบทโดยไม่ตัดตอนเป็น ก ไก่ เช้าขันเตือน ข ไข่ ทะนุถนอม ฉันทลักษณ์ของกลอนทั้งบทของกลอน ก ไก่ เช้าขันเตือน จะทำให้ “จำคำสอน” ของกลอนได้
หากเด็กยังไม่สามารถอ่านหนังสือที่มีคำยากได้ ผู้ปกครองหรือครูควรเป็นคนอ่านให้เด็กฟัง แล้วให้เด็กพูดตาม เด็กจะเกิดการเรียนรู้ที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด กล่าวคือ เรียนรู้จากการฟัง การพูด หากเด็กอยู่ในชั้นประถมศึกษาผู้ปกครองหรือครูอาจสอนให้เด็กท่องจำด้วย อาจให้เด็กท่องจำทั้งหมดหรือเลือกท่องตัวอักษรที่ชอบ ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากผู้ปกครองหรือครูท่องได้ เด็กจะตั้งใจฟังและเกิดการยอมรับในตัวผู้ปกครองหรือครูมากขึ้น ไม่ต้องเป็นห่วงว่ามีคำยากเกินไปสำหรับเด็กชั้นประถมศึกษาปีที่หนึ่ง อันที่จริงเวลาที่เด็กร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี เด็กก็เข้าใจเพียงไม่กี่คำ แต่เราต้องการปลูกฝังความรักต่อพระประมุขของประเทศตั้งแต่เขายังเยาว์ ผู้ปกครองหรือครูควรอธิบายคำยากประกอบความเข้าใจในบทกลอน แต่ไม่ต้องกังวลว่าเด็กจะจำความหมายได้หรือไม่ ผู้ปกครองหรือครูควรชวนให้เด็กท่องจำทีละตัวอักษร เมื่อเด็กท่องได้แล้ว จึงให้เด็กเห็นตัวอักษร เด็กจะเรียนรู้การอ่านตัวอักษรได้ง่ายขึ้นและรวดเร็วขึ้น วัยประถมต้นเป็นวัยที่เด็กสนุกกับการท่องจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ท่องออกมาดังๆ พร้อมกับเพื่อนๆ การท่องจำอย่างสนุกสนานยังเป็นการฝึกสมองส่วนความจำได้อย่างดีเลิศ สมองส่วนความจำอยู่ในส่วนสมองกลีบขมับ ต่างจากสมองกลีบหน้า ซึ่งเป็นส่วนของการคิด นอกจากการฝึกสมองแล้ว ผลที่ตามมาคือ การท่อง ก ไก่ เช้าขันเตือน จะทำให้เด็กจำคำสอนของกลอนบางตัวอักษรไปจนตลอดชีวิต
เป็นเรื่องน่าสังเกตว่า ก่อนจะเกิดคำกำกับพยัญชนะของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ซึ่งเกิดขึ้นเพื่อการรู้หนังสือ เคยมีการตั้งชื่อพยัญชนะในภาษาไทยแล้วใน พ.ศ. ๒๓๗๘ ที่มีการเล่นหวยขึ้นเป็นครั้งแรก แล้วมีการนำพยัญชนะไปกำกับตัวหวย เรียกกันว่า “หวย ก ข” ทำให้พยัญชนะภาษาไทยมีคำกำกับหวยดังนี้ ก สามหวย ข ง่วยโป๊ ฃ เจียมขวย ค เม่งจู เป็นต้น ล้วนเป็นชื่อมาจากตำนานจีน ยกเว้น ต เรือจ้าง ม หุนหัน ฉ ขายหมู ดังนั้นการตั้งชื่อพยัญชนะไทยได้เริ่มต้นจากอบายมุข กลอนพยัญชนะไทยก็ควรที่จะลงท้ายที่คุณธรรม
คำกลอน
ก ไก่ เช้าขันเตือน อย่าแชเชือน น้อมรับทำ
ฟังเสียง มโนธรรม เช้าถึงค่ำ กระทำดี
มโนธรรมคือความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ความรู้สึกว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ ในครั้งเมื่อเด็กทุกคนทั้งประเทศไทยเคยได้ยินเสียงไก่ขันปลุกให้ตื่น เป็นเสียงแรกของทุกเช้าตรู่ ชั่วขณะนั้นเป็นห้วงเวลาที่เด็กจะแชเชือน งัวเงีย ไม่อยากจะตื่น จึงเป็นเวลาที่จะต้องตัดใจ มีสำนึกรับผิดชอบ ตื่นนอนด้วยความพร้อมที่จะทำหน้าที่ของตน โดยรู้สึกสำนึกว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ “ควรทำ” ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีนี้เป็นตัวกำกับการกระทำของเด็กตั้งแต่เช้าจรดค่ำให้กระทำดี
คำ “น้อมรับทำ” ถูกนำมาใช้แทนคำที่มักได้ยินว่า “น้อมรับฟัง” การฟังอย่างเดียวไม่เพียงพอ จะต้องทำด้วย จึงจะครบสมบูรณ์ “ทำ” และ “ธรรม” เป็นคำพ้องเสียง เมื่อเด็กได้ยินสองคำนี้ด้วยกัน ชวนให้ไตร่ตรองว่า ธรรมต้องทำ คุณธรรมคือคุณค่าที่นำมาปฏิบัติ
คุณค่าพระวรสาร มโนธรรม เปโตรจึงระลึกถึงคำที่พระเยซูเจ้าตรัสไว้ว่า “ก่อนไก่จะขัน เธอจะปฏิเสธเราสามครั้ง” เขาจึงออกไปข้างนอก ร้องไห้อย่างขมขื่น (ท. มธ ๒๖:๗๕)
ข ไข่ ทะนุถนอม รู้รอมชอม ประเสริฐศรี
เปราะบาง นะไมตรี ต้องถ้วนถี่ มีน้ำใจ
เด็กทุกคนที่ได้สัมผัสไข่ไก่เป็นครั้งแรกในชีวิต พ่อแม่คงกำกับให้เขาอุ้มไว้ในฝ่ามือด้วยความทะนุถนอม มิเช่นนั้นไข่จะแตกได้โดยง่าย ความเปราะบางของไข่ควรสอนเด็กให้เข้าใจความละเอีอดอ่อนของจิตใจของผู้อื่น มิเอาแต่ใจตนเอง รู้จักยอม เด็กเรียนรู้ครั้งแล้วครั้งเล่าว่า หากไม่ถนอมน้ำใจของกันและกันแล้ว ความเป็นเพื่อนกันก็แตกเสียหายได้
คำ “ทะนุถนอม” เป็นคำเดียวในวรรคสดับที่มีสี่พยางค์ ให้อ่านคำนี้ด้วยเสียงแผ่วเบา แสดงถึงความบรรจง ละเอียดละออ
คุณค่าพระวรสาร ความเป็นหนึ่ง “จงรักกันฉันพี่น้อง เคารพให้เกียรติผู้อื่น ปฏิบัติต่อกันด้วยอัธยาศัยไมตรี จงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อย่ามักใหญ่ใฝ่สูง แต่จงยอมทำสิ่งต่ำต้อยเถิด อย่าทะนงว่าตนฉลาด” (ท. รม ๑๒:๑๐, ๑๓, ๑๖)
ฃ ฃวด ของของเรา ครอบครัวเรา มิใช่อื่นใด
ชุมชน ตนพร้อมให้ ทั้งกายใจ เราร่วมแรง
ขวดใบแรกที่เด็กสัมผัสนั้นคือขวดนม เมื่อเด็กเริ่มหย่านม เขาจะไม่ได้ความอบอุ่นจากเต้านมของแม่อีกต่อไปแล้ว แต่ขวดนมที่ยื่นให้ดูดนั้น ถูกประคองด้วยมือของพ่อแม่ “ขวดนมใบนี้เป็นของครอบครัวของเรา พ่อแม่เป็นคนเอามาให้ฉัน” จากขวดนมเด็กจึงเรียนรู้ความเป็นครอบครัวเดียวกัน และต่อมาก็เรียนรู้ความเป็นชุมชนภายในห้องเรียนและโรงเรียน หลังจากนั้นจึงเรียนรู้การมีส่วนร่วมในชีวิตของสังคมใหญ่ เด็กเรียนรู้ความเป็นเจ้าของจาก “ขวดของเรา” การสร้างชุมชนต้องอาศัยการร่วมแรงร่วมใจของทุกคน เพราะชุมชนเป็น “ของเรา”
คำ “ของของเรา” เชื่อมโยงความหมายของสิ่งของกับความหมายของความเป็นเจ้าของ
คุณค่าพระวรสาร ความเป็นชุมชน “ปลุกใจกันและกันให้มีความรักและประกอบกิจการดี อย่าขาดการเข้าร่วมชุมนุมกัน ตักเตือนกัน จงกระทำเช่นนี้ให้มากยิ่งขึ้น” (ท. ฮบ ๑๐:๒๔-๒๕) “จงให้ แล้วพระเจ้าจะประทานแก่เธอ เธอจะได้รับเต็มสัดเต็มทะนานอัดแน่นจนล้น” (ท. ลก ๖:๓๘)
ค ควาย เข้าสู้งาน ไม่เกียจคร้าน ขยันขันแข็ง
ทุ่มเท ทุกเรี่ยวแรง ขยันขันแข็ง เข้าลากจูง
พูดถึงควาย น่าเสียดายที่สังคมไทยนำไปเชื่อมโยงกับความโง่ ชะรอยเพราะมันยอมให้คนสนตะพายจูงไปใช้งาน แท้ที่จริงควายนับเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองเช่นเดียวกับช้างก็ว่าได้ ดังที่ความรู้สึกนี้ถูกถ่ายทอดในตำนานบางระจัน ที่ควายเข้าสู้ศึกสงคราม ในยามสงบควายทำให้คนไทยมีข้าวกิน แม้ในสังคมไทยสมัยใหม่เด็กไทยที่ไม่เคยเห็นควายก็ยังนิยมเรียกเครื่องไถนาว่า ควายเหล็ก ในอีกหลายสังคม เมื่อถูกเปรียบเปรยว่าเป็นควาย ผู้ได้ยินจะรู้สึกภูมิใจที่ได้รับการกล่าวชมเขาว่าเป็นคนขยันขันแข็ง สู้งาน ควายเคยเป็นเพื่อนคู่ทุกข์คู่ยากของชาวนามาโดยตลอด ชาวนาหลายคนร้องไห้เมื่อควายของตนตายจาก มันเป็นสัญลักษณ์ของการสู้งานสำหรับคนที่หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน
คำ “ขยันขันแข็ง” ถูกกล่าวซ้ำเพื่อเน้นความหมายเดียวกัน คำ “ลากจูง” แสดงความเป็นสัตว์เดรัจฉานตัวหนึ่ง ชวนให้เปรียบเทียบกับมนุษย์ในตัวอักษรถัดไป
คุณค่าพระวรสาร การงาน ความขยัน “ไม่ว่าเธอจะทำงานอะไร จงทุ่มเทหัวใจทั้งหมดในงานนั้น ทั้งนี้ทำเพื่อพระเจ้า มิใช่เพื่อมนุษย์” (ท. คส ๓ : ๒๓) “พระเจ้าไม่ทรงอยุติธรรมถึงกับจะทรงลืมงานที่เธอได้กระทำ” (ท. ฮบ ๖ : ๑๐)
ฅ ฅน แสนสูงส่ง ทรนง ใจใฝ่สูง
จิตต่ำ ค้ำพยุง จนจิตสูง คือคนดี
ฅ ฅน อยู่ถัดมาจาก ค ควาย ซึ่งส่งท้ายด้วยคำ ลากจูง คนสูงส่งกว่าควายตรงที่มนุษย์มีจิตสูง แต่มีหลายอย่างในสังคมปัจจุบันที่ลากจูงคนให้จิตต่ำลงไปเป็นสัตว์เดรัจฉาน มีนักจิตวิทยาบางคนถึงกับกล่าวอธิบายจริยธรรมในสัตว์ ทำให้สะท้อนใจว่า หากคนไม่มีศีลธรรมแล้ว คนจะต่ำกว่าสัตว์เสียอีก เด็กที่สังคมปรารถนาคือ เด็กรักดี หรือใฝ่สูง ตรงข้ามกับเด็กไม่รักดีหรือใฝ่ต่ำ ใน“๑๐๐ คำสอน” สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกทรงตรัสไว้ว่า “คนที่ถือกำเนิดเป็นคนนั้น ยังไม่จัดเป็นคนโดยสมบูรณ์ เพราะเหตุเพียงเกิดมามีรูปร่างเป็นคน ต่อเมื่อมีการปฏิบัติ ประกอบด้วยความรู้สึกผิดชอบชั่วดีสมกับความเป็นคน จึงเรียกว่าเป็นคนโดยธรรม เมื่อมีธรรมของคนสมบูรณ์ จึงจะเชื่อว่าเป็นคนโดยสมบูรณ์”
คำว่า “จิตสูง” เป็นความหมายของคำว่า “มนุษย์” ซึ่งมาจาก “มโน” แปลว่า จิต กับ “อุษยะ” แปลว่า สูง
คุณค่าพระวรสาร ศักดิ์ศรี “เธอทุกคนเป็นบุตรของพระเจ้า ไม่มีบ่าวหรือนาย เพราะเธอทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกัน” (ท. กท ๓:๒๖,๒๘)
ฆ ระฆัง บอกเวลา รู้เพลา รู้หน้าที่
ชีวี ของเรานี้ จะอยู่ดี มีเรี่ยวแรง
เด็กทุกคนคุ้นกับเสียงระฆังหรือกริ่งบอกเวลาในโรงเรียน มันบอกหน้าที่ที่จะต้องทำในห้วงเวลานั้นๆ หน้าที่มีความเชื่อมโยงโดยตรงกับความสุขในชีวิต ดังคำของท่านพุทธทาส “ทำงานให้เป็นสุข สนุกกับการทำงาน” การทำหน้าที่จึงทำให้เราอยู่ดีมีสุข สุขทั้งกาย สุขทั้งใจ สุขกายเพราะเราทำหน้าที่แล้วได้ค่าตอบแทนมาเลี้ยงชีพ สุขใจเพราะเราเอิบอิ่มใจ ทำหน้าที่ แล้วสุขใจที่ได้ทำ ดังนั้นเราจึงทำหน้าที่เพื่ออยู่ดีมีแรง แล้วจะอยู่ดีมีสุข
คำ “อยู่ดีมีเรี่ยวแรง” เชื่อมโยงกับคำให้พรภาษาอีสานว่า “อยู่ดีมีแฮง” ซึ่งแปลว่า อยู่ดีมีแรง เด็กภาคอีสานควรภาคภูมิใจในภาษาท้องถิ่นที่มีความหมายลึกซึ้ง คำ “อยู่ดีมีแฮง” สอนปรัชญาชีวิต คนอีสานใช้คำนี้แทนคำว่า “กินดีอยู่ดี” แสดงว่าคนอีสานอยู่ดีเพื่อมีแรงทำหน้าที่ของตนต่อไป มิใช่อยู่ดีเพื่อกินดี หรือที่เรียกกันว่า อยู่เพื่อกิน ดังนั้นคำอีสานนี้ให้แง่คิดว่า ควรให้ความสำคัญต่อการมีแรงเพื่อทำหน้าที่มากกว่าการกินดีอยู่ดีในตัวมันเอง คำ “เพลา” สอนให้เด็กเรียนรู้ว่า พ พาน และ ว แหวน ใช้แทนกันได้ในหลายๆ คำ
คุณค่าพระวรสาร การงาน หน้าที่ “เมื่อเธอได้ทำตามคำสั่งทุกประการแล้ว จงพูดว่า 'ฉันเป็นผู้รับใช้ที่ไร้ความหมาย เพราะฉันทำตามหน้าที่ที่ต้องทำเท่านั้น' ” (ท. ลก ๑๗:๑๐)
ง งู รู้รอบคอบ รวดเร็วลอบ รีบหลบแสง
ฉลาด รู้ออมแรง รู้กล้าแกร่ง สู้ภัยพาล
ง งู ใจกล้า เป็นกลอนดั้งเดิม แต่ก่อนที่จะดูความใจกล้า เรามองงูเป็นสัตว์ที่ฉลาดปราดเปรียวรอบคอบ รู้จักหลบ หลีกภัย แต่เมื่อถึงคราวจำเป็น งูจะใจกล้าแกร่ง ต่อสู้ภัยทุกอย่าง ดังคำพูดว่า จงอางหวงไข่ คำสอนที่ได้จากงู คือความฉลาดรอบคอบและกล้าแกร่งในเวลาเดียวกัน เด็กควรได้รับการปลูกฝังให้รู้เท่าทันอันตรายทั้งฝ่ายกายและใจ การรู้เท่าทันสื่อเป็นทักษะที่จำเป็นมากสำหรับเด็กยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องข้อต้องระมัดระวังและจรรยาบรรณในการใช้สื่อออนไลน์ เด็กต้องรู้จักหลีกเลี่ยงและรู้จักกล้าที่จะปฏิเสธ
คำ “รวดเร็วลอบรีบหลบ” เป็นการฝึกการออกเสียง ร และ ล ไปในตัว
คุณค่าพระวรสาร วิจารณญาณ “จงฉลาดดุจงูและซื่อดุจนกพิราบ” (ท. มธ ๑๐:๑๖) “อย่าให้ผู้ใดหลอกหลวงเธอ การคบคนพาลทำให้เสียคน” (ท. ๑คร ๑๕:๓๓)
จ จาน แจ่มจริงใจ เหมือนน้ำใส เสาะสืบสาน
ดอกบัว เบ่งเบิกบาน บนน้ำใส ใจจริงจริง
ความจริงใจเป็นคุณลักษณะพึงประสงค์ที่ทั้งลูกจ้างและนายจ้างอยากได้จากกันและกันมากที่สุด ความจริงใจยังเป็นคุณค่าที่ช่วยให้ชีวิตสมรสมีความมั่นคง กลอนบทนี้จึงกล่าวถึงบัว ซึ่งหมายถึงธรรมและความเจริญ บัวเบิกกลีบดอกให้เบ่งบานกลายเป็นความเบิกบานบนน้ำใสใจจริง หมายความว่าความจริงใจให้ความสุขแท้ในชีวิต หรืออาจกล่าวว่า ความจริงใจเป็นนโยบายชีวิตที่ดีที่สุด
คำ “จริงใจ” นำไปถึงภาพพจน์ที่สวยงามของสำนวน “น้ำใสใจจริง” คำ “เบิกบาน” ได้ภาพพจน์มาจากดอกไม้ที่เบิกกลีบดอกออกจนเป็นดอกบาน คำ “สืบสาน” สื่อความหมายว่า ความจริงใจต้องเหมือนน้ำใสที่ยั่งยืนของแหล่งต้นน้ำ ที่เรียก ตาน้ำ กาลเวลาผ่านไป สิ่งแขวนลอยต่างลอยตามสายน้ำไป จนไม่เหลือสิ่งแขวนลอยที่จะทำให้น้ำแลขุ่นได้ น้ำจึงใสจนเห็นถึงก้นบึ้งของบ่อน้ำ คำ “เสาะ” สอนว่า น้ำใสใจจริงต้องค้นหาตรวจตราด้วยวิจารณญาณ ดังคำโบราณว่า “อย่าไว้ใจทางอย่าวางใจคน”
คุณค่าพระวรสาร ความซื่อตรง ความจริงใจ “เธอจงกล่าวเพียงว่า 'ใช่' หรือ 'ไม่ใช่' ที่เกินไปนั้นมาจากปีศาจ” (ท. มธ ๕:๓๗)
ฉ ฉิ่ง ตีดังดัง ตีจังจัง ดังฉับฉิ่ง
ดนตรี ไพเราะจริง กลมกลืนยิ่ง วงก่อเกิด
เครื่องดนตรีหลายเครื่องเมื่อนำมาเล่นเป็นวงเดียวกันต้องไปตามจังหวะเดียวกัน ความประสานกลมกลืนนี้ มีฉิ่งเป็นตัวกำกับ เครื่องดนตรีแต่ละชิ้นยังคงเอกลักษณ์ของตนไว้ หากใช้เครื่องดนตรีชนิดเดียวกันบรรเลง ก็ไม่สามารถสร้างเสียงดนตรีที่ไพเราะได้ นี่คือความเป็นหนึ่งที่แท้จริง ความเป็นหนึ่งไม่ใช่ความเป็นเหมือน แต่ความเป็นหนึ่งแสดงความสวยงามของความแตกต่างที่สามารถประสานกันจนเป็นหนึ่งได้ ฉิ่งยังให้แง่คิดอีกประการหนึ่งว่า การเล่นฉิ่งไม่ได้ใช้ความชำนาญมากเท่ากับเครื่องดนตรีชิ้นอื่น แต่ในการเล่นเป็นวง ฉิ่งกลับมีความสำคัญมากที่สุด เมื่อวงบรรเลงเพลงที่ไพเราะจบลง ความสำเร็จของคนหนึ่งเป็นความสำเร็จของทุกคน และสำเร็จของวงเป็นความสำเร็จของแต่ละคน
คำ “ตีดัง” จากกลอนดั้งเดิม ต่อด้วย “ตีจังจังดังฉับฉิ่ง” ทำให้เด็กร้องกลอนนี้ด้วยเสียงดังสนุกสนาน เพิ่มบรรยากาศครึกครื้นของดนตรี
คุณค่าพระวรสาร ความเป็นหนึ่ง “ร่างกายของเรามีองค์ประกอบหลายส่วน และส่วนต่างๆ เหล่านี้ไม่มีหน้าที่เดียวกันฉันใด เราก็รวมเป็นร่างกายเดียวฉันนั้น ผู้ได้รับพระพรใด ก็จงใช้พระพรนั้นมากน้อยตามความเชื่อของตน” (ท. รม ๑๒: ๔-๖)
ช ช้าง สง่างาม พยายาม มุ่งเป็นเลิศ
มนุษย์ สุดประเสริฐ ช้างเผือกเกิด เทิดเหล่ากอ
ในประวัติศาสตร์ชาติไทยช้างได้กู้บ้านกู้เมือง ช้างที่มีลักษณะเป็นมงคลคือช้างเผือก ซึ่งเมื่อพบแล้วจะถูกนำน้อมเกล้าฯ ถวายแด่พระมหากษัตริย์ เพื่อทรงประกอบพระราชพิธีรับและขึ้นระวางสมโภชเป็นพระยาช้าง ถือว่าเป็นเครื่องเชิดชูเกียรติประดับบารมีของพระมหากษัตริย์ ช้างจึงให้คำสอนว่า มนุษย์ต้องมุ่งสู่ความเป็นเลิศ การศึกษาเป็นการพัฒนาความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ การศึกษามิได้มุ่งพัฒนาความเป็นเลิศทางวิชาการ แต่มุ่งพัฒนาความเป็นเลิศของความเป็นมนุษย์
คำ “พยายาม” สื่อความหมายว่า ในการพัฒนาตนสู่ความเป็นเลิศนั้น ไม่ควรเปรียบเทียบกับผู้อื่น แต่ต้องพยายาม ทำให้ศักยภาพของตนเจริญถึงขีดสูงสุด ดังคำกล่าว “พยายามสุดความสามารถ ได้แค่ไหนแค่นั้น”
คุณค่าพระวรสาร ศักดิ์ศรี ความเป็นเลิศ “เธอจงเป็นคนดีอย่างสมบูรณ์ ดังที่พระบิดาเจ้าสวรรค์ของเธอ ทรงความดีอย่างสมบูรณ์เถิด” (ท. มธ ๕: ๔๘)
ซ โซ่ มาล่ามที เปรียบชีวี มาล่ามตอ
กิเลส สวมใส่ศอ รู้จักพอ อิสระจักมา
อิสรภาพที่แท้จริงของมนุษย์คืออิสระจากกิเลส อิสระจากบาป อิสรภาพหมายถึงอิสระที่จะทำสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ไช่อิสระที่จะทำสิ่งที่ถูกใจ พันธนาการที่เห็นได้ชัดเจนคือกรณีที่เยาวชนติดยาเสพติด ยากที่จะสลัดให้พ้นได้ แต่เด็กยังเสพติดเรื่องอื่น ๆ อีก อาทิ ติดหวาน ติดของขบเคี้ยว ติดโทรศัพท์ ติดเกมส์ ติดคอมพ์ เยาวชนอาจติดเรื่องที่ใหญ่ขึ้น ติดการพนัน ติดสื่อลามก ติดความรุนแรง ติดการโกง ติดการขโมย สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเครื่องพันธนาการเด็กและเยาวชน การรู้จักยับยั้งชั่งใจ รู้จักปฏิเสธความชั่วเท่านั้น ที่ทำให้คนเป็นอิสระ สมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ ๒ ทรงตรัสไว้ว่า “อิสรภาพมิได้อยู่ที่การกระทำสิ่งที่เราชอบ แต่อยู่ที่สิทธิที่จะกระทำสิ่งที่เราควร”
คำ “สวมศอ” ทำให้เห็นภาพปลอกคอสุนัขและปลอกคอทาสในสมัยโบราณ
คุณค่าพระวรสาร อิสรภาพ “เธอจะรู้ความจริง และความจริงจะทำให้เธอเป็นอิสระ” (ยน ๘:๓๒) “ทุกคนที่ทำบาปก็เป็นทาสของบาป” (ท. ยน ๘:๓๔)
ฌ เฌอ ต้นไม้ใหญ่ แตกกิ่งใบ ให้พึ่งพา
พึ่งได้ แม้โตมา จากเมล็ดหนา เพียงเม็ดเดียว
ต้นไม้เป็นสัญลักษณ์ของการพึ่งพาอาศัย จนเราพูดติดปากว่าเป็นร่มโพธิ์ร่มไทร คือเป็นที่พึ่งพิง มนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่ต้องพึ่งพาอาศัยกัน เมื่อแรกเกิด ทารกไม่สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเองเหมือนสัตว์หลายชนิด มนุษย์ต้องอาศัยการพึ่งพากัน จึงทำให้มนุษย์รักกัน โอบอ้อมอารีต่อกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จนเราเรียกสิ่งนี้ว่าความมีมนุษยธรรม หมายถึงความพึ่งพาได้นั่นเอง ต้นไม้ยังให้คติอีกประการ กล่าวคือ มันมีรูปร่างใหญ่โต แต่มันเจริญเติบโตมาจากเมล็ดเล็กๆเมล็ดหนึ่ง เปรียบกับชีวิตคนที่เจริญเติบโตได้อยู่ตลอดเวลาไม่มีสิ้นสุด เราเรียนรู้อยู่เสมอในชีวิต เพื่อเราจะสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้ เราสามารถช่วยผู้อื่นให้หลุดพ้นจากความเขลา ความทุกข์ และกิเลสตันหา
คำ “เฌอ” เวลาที่เด็กท่อง “ฌ เฌอ คู่กัน” ก็อาจไม่เข้าใจความหมายของ ฌ เฌอ กลอนบทนี้จึงแปลความหมายให้เข้าใจว่า ฌ เฌอ คือ ต้นไม้ คำ “หนา” เป็นคำประกอบท้ายคำอื่น เหมือนคำ เถิดหนา รักหนา หรือจะหมายถึงความหนาของเมล็ดก็ไม่ผิด
คุณค่าพระวรสาร การรับใช้ “พระอาณาจักรเปรียบเหมือนเมล็ดมัสตาร์ดซึ่งเมื่อหว่านในดิน ก็เป็นเมล็ดเล็กกว่าเมล็ดทั้งปวงทั่วแผ่นดิน แต่ครั้นได้หว่านแล้วก็งอกขึ้นและกลายเป็นต้นไม้ใหญ่กว่าพืชผักทุกชนิด มีกิ่งก้านใหญ่โตจนบรรดานกในอากาศมาพักอาศัยร่มเงาได้” (มก ๔:๓๑-๓๒)
ญ หญิง สงวนตัว ไม่เมามัว รู้เฉลียว
บริสุทธิ์ ดุจใจเดียว สำคัญเชียว รักษาวจี
กลอนบทนี้สอนการรักษากาย วาจา ใจ สงวนตัว คือ รักษากาย รักษาวจี คือ รักษาวาจา ใจเดียว คือรักษาใจ นี่คือความบริสุทธิ์ของมนุษย์ ดังคำกล่าว “คิดดี พูดดี ทำดี” ให้กาย วาจา ใจ อยู่ในครรลองคลองธรรม สังคมมนุษย์มีความเสื่อมศีลธรรมทางเพศอย่างน่าตกใจ การศึกษาต้องสามารถบริรูปหรือหล่อหลอมเด็กและเยาวชนให้มีพลังทางศีลธรรม สังคมจึงจะอยู่รอด
คำ “สงวนตัว” ย่อมาจากรักนวลสงวนตัว ซึ่งเป็นสมบัติของกุลสตรี คำ “รู้เฉลียว” สื่อถึงการมีวิจารณญาณ ไม่เพียงฉลาด แต่ต้องเฉลียวใจ รู้เท่าทัน รู้รักษาตัว ไม่ให้ใครหรือสิ่งใดมาหลอกลวงได้ คำ“ใจเดียว” ตรงข้ามกับคำหลายใจ มิควรที่สังคมจะประณามหญิงหลายใจเท่านั้น แต่ต้องประณามชายหลายใจด้วย
คุณค่าพระวรสาร ศักดิ์ศรี ความบริสุทธิ์ “สิ่งที่ออกมาจากภายในของมนุษย์นั้นแหละทำให้เขามีมลทิน จากภายในคือจากใจมนุษย์นั้นเป็นที่มาของ การประพฤติผิดทางเพศ การใส่ร้าย ความคิดชั่วร้าย” (ท. มก ๗: ๒๐-๒๒)
ฎ ชฎา ใช้สวมใส่ งามวิไล ปกเกศี
มงกุฎ แห่งชีวี ธรรมะมี เจิดจำรูญ
ชฎาเป็นเครื่องสวมศีรษะที่ประดิษฐ์ขึ้นด้วยเครื่องทองหรือเงิน ประดับอัญมณีและพวงดอกไม้โลหะ ชฎามักใช้ในงานพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับเจ้านายชั้นสูงและใช้ในงานนาฏศิลป์ จึงนำมาเปรียบเปรยว่า ธรรมะคือมงกุฎของชีวิต ชีวิตเปรียบได้กับการวิ่งแข่งขัน ในการแข่งขันโอลิมปิกแรกเริ่มนั้น เมื่อนักกีฬาวิ่งเข้าเส้นชัย เขาจะได้รับรางวัลช่อมะกอกเป็นมงกุฎสวมศีรษะ เป็นมงกุฎแห่งเกียรติ การรักษาธรรมะไว้ตลอดจนสิ้นชีวิตนับเป็นเกียรติที่สูงส่งยิ่ง
คำ “มงกุฎแห่งชีวี” สื่อถึงความใฝ่ฝันสูงสุดของชีวิต คือการรักษาธรรมะไว้ได้
คุณค่าพระวรสาร ศักดิ์ศรี “ผู้ที่มีมานะอดทนต่อการถูกทดลองย่อมเป็นสุข เพราะเมื่อเขาผ่านการทดลองนั้น เขาจะได้รับมงกุฎแห่งชีวิตซึ่งพระเจ้าทรงสัญญาจะประทานให้ผู้ที่รักพระองค์” (ท. ยก ๑:๑๒) “ข้าพเจ้าต่อสู้มาอย่างดีแล้ว ข้าพเจ้าวิ่งมาถึงเส้นชัยแล้ว ข้าพเจ้ารักษาความเชื่อไว้แล้ว ยังเหลืออยู่ก็เพียงมงกุฎแห่งความชอบธรรม ซึ่งพระเจ้าจะประทานแก่ข้าพเจ้า และแก่ทุกคนที่เฝ้ารอคอยด้วยความรัก” (ท. ๒ทธ ๔:๗,๘)
ฏ ปฏัก ต้องปักไว้ หากเราใช้ เศร้าเสียสูญ
รุนแรง นำอาดูร สันติพูน เพิ่มอภัย
กลอนเดิมใช้คำ “ฏ ปฏัก หุนหัน” คงมีนัยเป็นการเตือนสติว่า การใช้ปฎักซึ่งเป็นไม้ฝังเหล็กแหลมใช้แทงต้อนวัวควายนั้น เป็นการหุนหันพลันแล่น เป็นที่สังเกตได้ว่า มีการนำเสนอความรุนแรงอยู่มาก ทั้งในสื่อกระแสหลักและสื่อออนไลน์ เด็กควรได้รับการปลูกฝังมิให้เลียนแบบพฤติกรรมรุนแรง เพราะมีแต่จะก่อให้เกิดความสูญเสีย สันติสุขคือความสงบภายในจิตใจ สันติเกิดขึ้นได้ เมื่อมีการอภัยความผิดพลาด มีการคืนดี ลืมความบาดหมาง และมีการชดเชยสิ่งที่ได้ล่วงเกินกัน มหาตมะ คานธี กล่าวว่า “ความโกรธคือศัตรูของอหิงสา ความจองหอง คืออสูรร้ายที่กลืนกินมัน” และ “ผู้อ่อนแอไม่มีวันให้อภัยได้ การให้อภัยเป็นคุณสมบัติของผู้เข้มแข็ง”
คำ “เสียสูญ” หมายถึง สูญเสีย ทำให้เชื่อมโยงถึงคำที่วัยรุ่นนิยมใช้คือคำ “เสียศูนย์” หมายถึงการเสียสมดุลย์ ความรุนแรงทำให้เราเสียสมดุลของชีวิต คำ“อภัย” แปลว่า ยกโทษ หมายถึงให้ความไม่มีภัย ดังนั้น ผู้ล่วงเกินผู้อื่นไม่มีสิทธิ์ที่จะขออภัย แต่มีสิทธิ์เพียงขอโทษ คือสำนึกผิด แล้วขอให้โทษตกถึงตัว สิทธิ์ในการให้อภัยเป็นของผู้ถูกล่วงเกินเท่านั้น
คุณค่าพระวรสาร สันติ อภัย “จงผ่อนหนักผ่อนเบาซึ่งกันและกัน หากมีเรื่องผิดใจกันก็จงยกโทษกัน พระเจ้าทรงให้อภัยความผิดของเธออย่างไร เธอก็จงให้อภัยแก่ผู้อื่นอย่างนั้นเถิด ขอให้สันติสุขครอบครองดวงใจของเธอ พระเจ้าทรงเรียกเธอให้รวมเป็นกายเดียวกันก็เพื่อจะได้บรรลุถึงสันติสุขนี้เอง” (ท. คส ๓: ๑๓,๑๕)
ฐ ฐาน อันมั่นคง สัจจะดำรง จงมั่นใจ
ความจริง คือจอมใจ ความเท็จไซร้ คือจอมปลอม
ทุกคนมี “เรือนใจ” เป็นของตัวเอง ธรรมะข้อแรกในการครองเรือนใจคือสัจจะ ซึ่งเป็นหนึ่งในฆราวาสธรรม อันได้แก่ สัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ ชีวิตต้องอยู่กับความจริง ไม่ใช่อยู่กับความเท็จ แล้วปลอบใจด้วยการหลอกตนเองไปวันๆ คนที่ทำเช่นนั้นย่อมไม่มีความสุข เรือนใจของเขาเปรียบได้กับบ้านที่สร้างบนทราย เมื่อน้ำมาบ้านก็พังทลาย แต่เรือนใจของผู้ใดตั้งมั่นอยู่บนสัจจะ ก็เปรียบได้กับบ้านที่สร้างบนหิน มีฐานอันมั่นคง น้ำบ่ามาบ้านก็ยังคงอยู่
คำ “มั่นคง” รับกับ “มั่นใจ” มั่นใจ เพราะการยึดในความจริงบางครั้งท้าทายความกล้าหาญของเราเป็นอย่างมาก ดังคำพูด “ความจริงเป็นสิ่งที่ไม่ตาย แต่คนพูดความจริงต้องตายไปนักต่อนัก” คำ “จอมใจ” รับกับ “จอมปลอม” จอมใจ เพราะสัจจะต้องมาเป็นเจ้าครองเรือนใจ
คุณค่าพระวรสาร ความจริง “ปีศาจไม่ยืนหยัดอยู่ในความจริง เพราะความจริงไม่อยู่ในมัน เมื่อมันพูดเท็จมันก็พูดตามธรรมชาติของมัน เพราะปีศาจเป็นผู้พูดเท็จ และเป็นบิดาของความเท็จ” (ท. ยน ๘:๔๔) “ผู้ใดฟังถ้อยคำเหล่านี้ของเราและปฏิบัติตาม ก็เปรียบเสมือนคนมีปัญญาที่สร้างบ้านไว้บนหิน ฝนจะตก น้ำจะไหลเชี่ยว ลมจะพัดโหมเข้าใส่บ้านหลังนั้น บ้านก็ไม่พัง เพราะมีรากฐานอยู่บนหิน ผู้ใดที่ฟังถ้อยคำเหล่านี้ของเรา และไม่ปฏิบัติตามก็เปรียบเสมือนคนโง่เขลาที่สร้างบ้านไว้บนทราย เมื่อฝนตก น้ำไหลเชี่ยว ลมพัดโหมเข้าใส่บ้านหลังนั้น มันก็พังทลายลงและเสียหายมาก” (มธ ๗:๒๔-๒๗)
ฑ มณโฑ งามน่ารัก ใช่ที่พักตร์ ใช่ที่หอม
จิตเจ้า ที่อ่อนน้อม งามเพียบพร้อม จิตสะคราญ
นางมณโฑเป็นมเหสีของท้าวทศกัณฐ์มีรูปงาม ดังบทชมโฉมนางมณโฑว่า “งามพักตร์ยิ่งชั้นมหาราช งามวิลาสล้ำนางในดึงสา” ภาพลักษณ์เป็นเรื่องกังวลใจที่ใหญ่มากของเด็กวัยรุ่น เฉพาะอย่างยิ่งในสมัยปัจจุบัน วัยรุ่นทั้งหญิงและชายจะสาละวนอยู่กับการแต่งหน้า แต่งผม แต่งตัว มากกว่าในสมัยก่อน สาเหตุส่วนหนึ่งเป็นเพราะอิทธิพลของสื่อ กลอนบทนี้อยากจะหยิบคำสอนของกลอน “คนจะงาม งามน้ำใจ ใช่ใบหน้า คนจะสวย สวยจรรยา ใช่ตาหวาน” ความงามทางจิตใจสำคัญกว่าความงามทางร่างกายมาก ความงามทางร่างกายนั้นเราเลือกไม่ได้ เกิดมาเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น แม้เทคโนโลยีศัลยกรรมตกแต่งจะพัฒนามากเพียงใด มันก็มีข้อจำกัดและผลร้ายตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ความงามทางจิตใจนั้นเราเลือกได้ เราสามารถทำศัลยกรรมตกแต่งความงามของจิตใจได้อย่างไม่มีข้อจำกัดและไม่มีผลเสียใดๆ คุณธรรมทำให้เราเป็นคนน่ารัก เป็นเรื่องน่าคิดว่า คนมีอายุแล้วยอมเสียเงินนับแสนเพื่อทำให้ใบหน้าดูเด็ก แล้วทำไมเยาวชนที่ดูเด็กจะต้องเสียสตางค์ไปทำให้หน้าดูแก่
คำนำหน้า “ใช่” ในคำกลอนเป็นการย่อคำลงท้าย “หาใช่ไม่” คำ “สะคราญ” แปลว่า สวยงาม
คุณค่าพระวรสาร ความสุภาพถ่อมตน ความน่ารัก ความอ่อนน้อม ทูตสวรรค์กล่าวกับพระนางมารีย์ว่า “จงยินดีเถิด ท่านผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน”(ท. ลก ๑:๒๘) พระนางมารีย์ตรัสแก่ทูตสวรรค์ว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจาของท่านเถิด”(ลก ๑:๓๘) “จงสวมอาภรณ์แห่งเมตตา ความใจดี สุภาพ อ่อนโยน พากเพียร”(ท. คส ๓: ๑๒) “อย่ากังวลถึงร่างกายของเธอว่าจะนุ่งห่มอะไร ร่างกายย่อมสำคัญกว่าเครื่องนุ่งห่ม”(ท. ลก ๑๒:๒๒-๒๓) “ผมทุกเส้นบนศีรษะของเธอถูกนับไว้หมดแล้ว”(ท. ลก ๑๒:๗) “บุตร จงเชื่อฟังบิดามารดาในทุกสิ่ง เพราะการกระทำเช่นนี้เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า”(ท. คส ๓:๑๙-๒๐)
ฒ ผู้เฒ่า น่าเคารพ ขอน้อมนบ พบอาจารย์
แก่รู้ ใช่อยู่นาน รวยศีลทาน ใช่บ้านโต
กลอน ฒ ผู้เฒ่า เป็นตอนต่อจากกลอน ฑ มณโฑ “คนจะแก่ แก่ความรู้ ใช่อยู่นาน คนจะรวย รวยศีลทาน ใช่บ้านโต” ความเคารพต่อผู้ใหญ่เป็นลักษณะเด่นของสังคมไทย เด็กควรเคารพทั้งผู้มีวัยวุฒิและผู้มีคุณวุฒิ ผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อน หมายความว่าท่านมีประสบการณ์มาก่อน ย่อมบอกเราได้ว่าเรื่องใดควรระมัดระวังอะไร ขณะเดียวกัน เด็กควรตระหนักว่า ขณะที่ตนเจริญวัยมากขึ้นจะต้องเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และต้องพัฒนาตนอย่างต่อเนื่อง จะได้มีคุณวุฒิตามวัยวุฒิของตน ส่วนความร่ำรวยที่แท้นั้น มิได้อยู่ที่เงินทองข้าวของ แต่อยู่ที่ความมั่งคั่งทางศีลธรรมและการรู้จักแบ่งปัน
คำ “พบอาจารย์” นำมาไว้ที่นี้ เพื่อให้สติเด็กว่า ผู้ใหญ่ทุกคนสมควรได้รับความเคารพ แม้ว่าเขาจะมีฐานะทาง เศรษฐกิจต่ำกว่า เราสามารถเรียนรู้ได้จากทุกคน เหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนให้บทเรียนแก่ชีวิต แม้กระทั่งความผิดพลาดก็กลายเป็นอุทาหรณ์สอนใจ ดังคำ “ผิดเป็นครู”
คุณค่าพระวรสาร ความเคารพ “ผู้อ่อนเยาว์กว่า จงเชื่อฟังคำของผู้ใหญ่ ให้ทุกคนมีความถ่อมตนในการปฏิบัติต่อกันและกัน ด้วยว่าพระเจ้าทรงเป็นปฏิปักษ์กับคนจองหอง แต่พระองค์ทรงประทานพระพรแก่คนที่อ่อนน้อมถ่อมตน” (ท. ๑ปต ๕:๕) “ให้เกียรติแก่กันด้วยความเคารพ” (รม ๑๒:๑๐)
ณ เณร หมั่นไตร่ตรอง ต้องตรึกตรอง ลึกอักโข
ณ เณร ต้องเติบโต ในมโน ตรวจตราตรอง
การศึกษาต้องสอนให้เด็กคิดเป็น เด็กคิดเป็นได้โดยฝึกการไตร่ตรอง เด็กไม่เพียงแต่ตอบคำถาม ใคร อะไร ที่ไหน เมื่อไร แต่ต้องฝึกตอบคำถาม อย่างไร ทำไม สรุปว่าอะไร แล้วยังไง การไตร่ตรองเท่านั้นทำให้เด็กเติบโตในความคิด ไม่ไตร่ตรองไม่เติบโต เมื่อครูสอนองค์ความรู้โดยให้เด็กไตร่ตรอง หากครูออกแบบการไตร่ตรองอย่างดี นอกจากเด็กจะเข้าใจองค์ความรู้มากขึ้นแล้ว เด็กยังเกิดการยอมรับคุณค่าที่ครูตั้งเอาไว้เป็นเป้าหมายของการไตร่ตรองอีกด้วย หลังจากนั้นเมื่อเด็กนำคุณค่าที่เรียนรู้ไปปฏิบัติ คุณค่านั้นกลับกลายเป็นคุณธรรม ดังนั้นการสอนที่ดีต้องออกแบบให้นำไปสู่ขั้นการปฏิบัติด้วย กล่าวได้ว่า เด็กได้คุณค่าเมื่อไตร่ตรององค์ความรู้ เด็กมีคุณธรรมเมื่อนำคุณค่ามาปฏิบัติ
คำ “ลึกอักโข” ชวนให้คิดว่าการไตร่ตองทำให้เราหาคำตอบในระดับลึกซึ้ง ไม่ใช่ในระดับผิวเผิน คำ “ตรวจตรา” ชวนให้คิดว่า การไตร่ตรองเป็นการสืบค้น พินิจพิเคราะห์ คิดหลายตลบ คิดเปรียบเทียบ
คุณค่าพระวรสาร การไตร่ตรอง “สิ่งใดจริง สิ่งใดประเสริฐ สิ่งใดชอบธรรม สิ่งใดบริสุทธิ์ สิ่งใดน่ารัก สิ่งใดควรยกย่อง ถ้ามีสิ่งใดเป็นคุณธรรม ถ้ามีสิ่งใดน่าสรรเสริญ เธอจงพิจารณาสิ่งเหล่านี้ด้วยการใคร่ครวญเถิด” (ท. ฟป ๔:๘-๙)
ด เด็ก ซื่อสุภาพ ดุจพิราบ ไร้จองหอง
สวรรค์ ตามครรลอง ย่อมเป็นของ เด็กทุกคน
ความจองหอง คือบาปที่เป็นต้นเหตุรากเหง้าของบาปประการอื่นๆ ความจองหองในระดับลึกซึ้งที่สุดของมนุษย์คือการที่มนุษย์เหลิงจนลืมตัว ถึงขั้นคิดว่าตนเองคือมาตรของศีลธรรม คุณธรรมที่อยู่ตรงข้ามกับความจองหองคือความสุภาพถ่อมตน เด็กมีความซื่อสุภาพบริสุทธิ์ไร้เดียงสาอย่างเป็นธรรมชาติ ท่าทีจิตใจเช่นนี้ต้องเก็บรักษาไว้ให้ยั่งยืน นี่คือท่าทีที่ทำให้เราอยู่ในครรลองคลองธรรม อยู่ในครรลองสวรรค์
คำ “ดุจพิราบ” นำมากล่าวเปรียบเทียบไว้ เพราะพิราบเป็นนกที่เชื่อง ในทางสากลจึงใช้เป็นสัญลักษณ์ของความซื่อ สุภาพ และสันติ
คุณค่าพระวรสาร ความสุภาพถ่อมตน “ปล่อยให้เด็กเล็กๆ มาหาเราเถิด เพราะพระอาณาจักรของพระเจ้าเป็นของคนที่เหมือนเด็กเหล่านี้” (ท. มก ๑๐:๑๔) “เทวดาของเด็กเหล่านี้อยู่เฉพาะพระพักตร์พระบิดาเสมอ” (ท. มธ ๑๘:๑๐)
ต เต่า เจ้าเรียบง่าย เอ้าอุ้ยอ้าย ทุกแห่งหน
ต่ำต้อย ค่อยถ่อมตน แต่ไม่จน คุณธรรม
ความเรียบง่ายเป็นการแสดงออกของความพอเพียง นิทานอีสปเรื่องเต่ากับกระต่าย ที่เด็กทั่วโลกรู้จัก ให้คำสอนเรื่องความเรียบง่ายถ่อมตน ไม่อวดดี แต่หนักแน่นมั่นคงในการทำหน้าที่ตามศักยภาพของตน มีความพอเพียงอยู่ในตน มีภูมิคุ้มกัน ไม่แปรเปลี่ยนไปตามกระแสนิยม ไม่ฟุ้งเฟ้อ ความต่ำต้อยถ่อมตนนั้น แทนที่จะเป็นเรื่องน่าดูแคลน กลับเป็นคุณธรรมที่สูงส่ง เช่นเดียวกับการอยู่เฉย ไม่ตอบโต้ ในท่ามกลางความรุนแรงและการเยาะเย้ยถากถาง กลับเป็นความกล้าหาญ มิใช่ความขลาด
คำ “อุ้ย” แปลว่า หนัก อุ้ยอ้าย หมายความว่า เคลื่อนไหวเชื่องช้าเพราะน้ำหนักตัว คำ “ต่ำต้อย” เป็นเสียงสร้อย คล้องจองกับ ต เต่า
คุณค่าพระวรสาร ความพอเพียง ความสุภาพถ่อมตน “ถ้าผู้ใดอยากเป็นคนที่หนึ่ง ก็ให้ผู้นั้นทำตนเป็นคนสุดท้าย และเป็นผู้รับใช้ของทุกคน” (มก ๙:๓๕)
ถ ถุง ไว้ใส่เหรียญ เพิ่มพากเพียร เป็นประจำ
อดออม เฝ้าเก็บงำ เหรียญหายคลำ หาจนเจอ
ความมัธยัสถ์เป็นคุณธรรมประจำตัวของคนที่ผ่านความยากลำบากของชีวิต มีคำอธิบายที่น่าชวนคิดเกี่ยวกับเด็ก ส่วนหนึ่งในยุคปัจจุบันว่า เป็นเด็กเจเนเรชั่นอาบน้ำอุ่น หมายถึงเด็กที่มีแต่ความสะดวกสบายไม่เคยต้องลำบาก การเลี้ยงดูเด็กเช่นนี้ไม่น่าจะถูกต้อง เด็กต้องมีโอกาสฝึกที่จะไม่เอาแต่ใจตัวเอง ฝึกความพากเพียรอดทน ฝึกการอดออม เด็กที่ถูกตามใจจะไม่มีโอกาสเติบใหญ่เป็นบุคคลที่มีคุณภาพของสังคม
คำ “เหรียญหายคลำหาจนเจอ” สื่อถึงการเห็นคุณค่าของหยาดเหงื่อแรงกายของพ่อแม่ที่พากเพียรหาเลี้ยงชีพ จุนเจือครอบครัว
คุณค่าพระวรสาร ความพอเพียง “หญิงคนใดที่มีเงินสิบเหรียญแล้วทำหายไปหนึ่งเหรียญ จะไม่จุดตะเกียง กวาดบ้าน ค้นหาอย่างถี่ถ้วนจนกว่าจะพบหรือ” (ลก ๑๕: ๘)
ท ทหาร ท่านอดทน วินัยตน สม่ำเสมอ
ทุกเช้า ได้เจอะเจอ ฝึกเสมอ สายบ่ายเย็น
กลอนดั้งเดิม ท ทหาร อดทน ให้คำสอนที่ชัดเจนซึ่งทหารเป็นสัญลักษณ์ นั่นคือความอดทน ความอดทนแสดงออกในการฝึกวินัย และฝึกทักษะของทหาร ซึ่งต้องทำอย่างสม่ำเสมอตลอดเวลา เด็กสามารถเรียนรู้ทักษะต่างๆ ได้ ต้องอาศัยความอดทน
คำ “ท่าน” นำมาใช้กับทหารเพื่อเน้นความน่าเคารพต่อทหารทุกนาย ไม่เพียงแต่ทหารระดับนายพลเท่านั้น คำ “อดทน” เป็นคำที่อยู่คู่กับการเป็นทหาร ความอดทนเป็นคำจำกัดความของความเป็นทหาร คำ “สม่ำเสมอ” เน้นย้ำถึงคุณลักษณะจำเป็นของความอดทน
คุณค่าพระวรสาร การงาน ความอดทน “ความพากเพียรอดทนก่อให้เกิดคุณธรรมที่แท้จริง คุณธรรมที่แท้จริงก่อให้เกิดความหวัง” (รม ๕:๔) “จงพากเพียรให้ถึงที่สุด เพื่อเธอจะได้เป็นคนดีอย่างสมบูรณ์ ไม่มีที่ตำหนิ และไม่มีสิ่งใดบกพร่อง” (ท. ยก ๑:๔)
ธ ธง ถือธรรมะ ฝึกตบะ ประจักษ์เห็น
ธงธรรม อันจำเป็น ชูเชิดเด่น เช่นธงชัย
ธงคือสัญลักษณ์ของชุมชนอันเป็นเครื่องหมายที่หลอมรวมจิตวิญญาณของสังคม สังคมใดมีธรรมะเป็นมาตรฐานของการอยู่ร่วมกัน เราเรียกสังคมนั้นว่า สังคมแห่งธรรมาภิบาล ถือว่าสังคมนั้นมีธงธรรมเป็นธงชัยของสังคม สังคมนั้นเป็นสังคมแห่งพลังทางศีลธรรม สังคมใดขาดธรรมาภิบาล สังคมนั้นย่อมเสื่อม ไม่สามารถดำรงอยู่ได้ ธรรมาภิบาลจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ขาดเสียมิได้ ฉันใดฉันนั้น ในระดับบุคคล แต่ละคนมีการเลือกขั้นพื้นฐานที่จะดำเนินชีวิตในกรอบแห่งศีลธรรม ถือว่าบุคคลผู้นั้นมีศีลธรรมเป็นเส้นชัยของชีวิต การเลือกขั้นพื้นฐานนี้ได้รับการเสริมแรงจากการฝึกฝนจิตใจของตนเองอย่างสม่ำเสมอ
คำ “ฝึก” ในกลอนบทนี้เชื่อมโยงความคิดกับคำ “ฝึก” ใน ท ทหาร คำ “ตบะ” แปลว่า การบำเพ็ญเพื่อให้กิเลสเบาบาง
คุณค่าพระวรสาร ภาวนา “จงชื่นชมยินดีในความหวัง จงมีความอดทนต่อความทุกข์ยาก จงพากเพียรในการภาวนา” (รม ๑๒:๑๒)
น หนู ช่างรู้คุณ รับการุญ จากสิงห์ใหญ่
หนูน้อย สู้เสี่ยงภัย ช่วยแก้ไข หลุดบ่วงพราน
เด็กแทบทุกคนคงเคยได้ฟังนิทานอีสปเรื่องราชสีห์กับหนู ในนิทานเรื่องนี้ หนูไปวิ่งเล่นไต่ขึ้นไต่ลงอยู่บนตัวสิงโต จนสิงโตตื่นขึ้นมา จับหนูจะกินเป็นอาหาร แต่ก็ปล่อยหนูไปเพราะมันร้องขอชีวิต หนูมีความกตัญญูรู้คุณ เพราะมันเป็นหนี้บุญคุณชีวิตต่อสิงโต มันจึงกล้าเสี่ยงชีวิตไปกัดบ่วงแร้วของนายพราน ซึ่งกำลังไปเอาเกวียนมาบรรทุกสิงโตที่ติดกับดัก ชีวิตคนเราเป็นหนี้บุญคุณพ่อแม่ที่ให้ชีวิต เลี้ยงดูชีวิต และอบรมสั่งสอนให้ดำเนินชีวิตอย่างดี นอกจากพ่อแม่แล้ว เรายังมีครูบาอาจารย์และผู้มีพระคุณอีกหลายคน ที่อุปถัมภ์ค้ำจุนและบริรูปหล่อหลอมชีวิตเรา จนกระทั่งเราเป็นบุคคลอย่างที่เราเป็นอยู่ในวันนี้ คนที่ได้รับมาก ย่อมรักมาก และตอบแทนบุญคุณมาก จนสุดความสามารถของตน
คำ “สิงห์ใหญ่” ตรงข้ามกันกับคำ “หนูน้อย” สิงโตเป็นราชสีห์ ราชาของสัตว์ ส่วนหนูเป็นสัตว์ตัวเล็กที่ไม่มีความสำคัญอันใด
คุณค่าพระวรสาร ความกตัญญู “จงยินดีเสมอ จงภาวนาไม่ขาดสาย จงขอบคุณในทุกๆ สิ่ง นี่คือพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับเธอ” (ท. ๑ธส ๕:๑๖-๑๘) “จงขอบพระคุณอยู่เสมอ สำหรับทุกสิ่ง” (ท. อฟ ๕:๒๐)
บ ใบไม้ ช่วยสร้างป่า ให้ภักษา ยาอาหาร
อนุรักษ์ ยั่งยืนนาน ร่วมสืบสาน ไว้มั่นคง
การพัฒนาแบบยั่งยืน คือการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่ตอบสนองความต้องการของมนุษย์ โดยยังคงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเอาไว้ เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของมนุษย์ ทั้งในชนรุ่นปัจจุบัน และชนรุ่นต่อๆ ไป การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมิใช่เรื่องไกลตัวเด็กและเยาวชน แต่เป็นเรื่องที่เขาต้องใส่ใจ มันเป็นเรื่องที่มีผลกระทบต่อพวกเขาโดยตรง โลกในอนาคตจะเป็นโลกที่โหดร้ายต่อชีวิตของพวกเขา หากพวกเขาไม่ดูแลโลกใบนี้อย่างจริงจัง เด็กทุกคนต้องได้รับการปลูกฝังในเรื่อง “รอยเท้าคาร์บอน” ซึ่งเป็นร่องรอยการทำลายสิ่งแวดล้อมที่ชีวิตแต่ละชีวิตได้ฝากไว้บนโลก
คำ “ยา” นำมาไว้กับคำ “อาหาร” เพื่อสอนเด็กว่า ป่าไม้นอกจากเป็นแหล่งอาหารของสัตว์แล้ว ยังเป็นแหล่งของสมุนไพรที่มนุษยชาติได้ค้นพบ และนำมาทำเป็นยารักษาโรค หากป่าดงดิบถูกทำลาย มนุษย์อาจสูญเสียโอกาสที่จะค้นพบยารักษาโรคมากมายในอนาคต
คุณค่าพระวรสาร รักษ์ธรรมชาติ “พระเจ้าพอพระทัยให้เราเป็นดุจผลแรกในสรรพสิ่งที่ทรงสร้าง” (ท. ยก ๑:๑๘) “นกกระจอกห้าตัวราคาขายสองบาทมิใช่หรือ แม้กระนั้นไม่มีนกสักตัวเดียวที่พระเจ้าทรงลืม” (ท. ลก ๑๒:๖)
ป ปลา ภักษาหาร ฟ้าประทาน อานิสงส์
ชุบเลี้ยง กายดำรง ชีพมั่นคง อาหารใจ
“ข้าวปลาอาหาร” หรือ “กินข้าวกินปลา” เป็นคำที่เราใช้อย่างเคยชิน แต่ครั้งที่ในน้ำมีปลาในนามีข้าว นับเป็นบุญของประเทศไทยที่ตั้งอยู่ในสุวรรณภูมิ ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งอาหาร สิ่งนี้สร้างความผาสุกให้กับสังคมไทย และบริรูปหล่อหลอมให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เด็กของเราต้องได้รับการสั่งสอนให้รู้จักคิดถึงผู้อื่น แม้แต่คำสุภาพของคำว่า กินข้าว ภาษาของเรายังใช้คำว่า รับประทานข้าว แล้วย่อเป็น ทานข้าว วัฒนธรรมของเราได้หล่อหลอมเราให้รู้จัก “พิจารณาอาหาร” โดยสอนให้ลูกหลานรำลึกถึงคุณของข้าว คุณของอาหารมื้อนั้น รู้จักขอบคุณชาวนาที่ปลูกข้าวเลี้ยงดูเรา รู้จักขอบคุณธรรมชาติที่ “ประทาน” อาหารให้เรา เราจึงเป็นผู้รับ “ประทาน” อาหาร และเมื่อเด็กๆ อิ่มท้องแล้วต้องรู้จักหาความอิ่มใจด้วย ความอิ่มใจเกิดขึ้นได้เมื่อตนทำความดี การคิดดี พูดดี ทำดี เป็นการหล่อเลี้ยงจิตใจให้เจริญ ความดีเป็นอาหารใจ เราจึงเป็นผู้รับ “ประทาน” พรสวรรค์ต่างๆ เพื่อให้เราใช้พรสวรรค์เหล่านั้นเพื่อคนอื่น
คำ “อานิสงส์” แปลว่า ผลบุญ ประโยชน์ คำ “ภักษาหาร” แปลว่า อาหารที่กินประจำ เป็นการสอนไปในตัวว่า ปลาเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และไม่มีโทษต่อร่างกาย เช่นเนื้อสัตว์ประเภทอื่น คำ “อาหารใจ” ทำให้คิดเปรียบเทียบกับอาหารที่หล่อเลี้ยงกาย
คุณค่าพระวรสาร ความกตัญญู “ของประทานทุกอย่างที่ดีและบริบูรณ์ย่อมมาจากเบื้องบน ลงมาจากพระบิดา” (ยก ๑:๑๗) “ท่านใดที่ลูกขออาหาร จะให้ก้อนหินหรือ ถ้าลูกขอปลา จะให้งูหรือ ท่านยังรู้จักให้ของดีๆ แก่ลูก แล้วพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์จะไม่ประทานของดีๆ แก่ผู้ที่ทูลขอพระองค์มากกว่านั้นหรือ” (ท. มธ ๗ : ๙-๑๑) “อย่าขวนขวายหาอาหารที่กินแล้วเสื่อมสลายไป แต่จงหาอาหารที่คงอยู่และนำชีวิตนิรันดรมาให้” (ยน ๖ : ๒๗)
ผ ผึ้ง สามัคคี ใครราวี ถาโถมใส่
รุมต่อย ปล่อยเหล็กใน พลีชีพไป รังยังคง
ผึ้งเป็นสัตว์สังคม สังคมผึ้งเป็นสังคมที่เหนียวแน่น ซับซ้อน มีระเบียบที่แน่นอน ในบรรดาผึ้งซึ่งมีอยู่มากกว่าสองหมื่นสายพันธุ์ มีน้อยพันธุ์ที่อยู่โดดเดี่ยว พันธุ์ที่พบเห็นกันมากและมีการศึกษามากที่สุดคือผึ้งน้ำหวาน ผึ้งพันธุ์นี้มีสังคมที่เหนียวแน่นที่สุด เมื่อผึ้งต่อย ผึ้งมักจะตาย เพราะเหล็กในที่เกี่ยวฝังลงไปในผิวของเหยื่อจะดึงอวัยวะภายในของผึ้งหลุดตามออกไปด้วย เวลาที่ผึ้งต่อย นอกจากมันจะปล่อยพิษแล้ว มันยังหลั่งฮอร์โมนเรียกว่าเฟโรโมนส์ ไว้ที่ตัวเหยื่อ เฟโรโมนส์จะเป็นตัวส่งสัญญาณให้ผึ้งทั้งฝูงรุมต่อยเหยื่อ ผึ้งหวงรังจึงมีความสามัคคีเป็นสัญชาตญาณของความอยู่รอด มนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่ซับซ้อน นอกจากเราจะมีสัญชาติญาณแล้ว เรายังมีอิสรภาพที่จะเลือกทำตามความต้องการของตน ความสามัคคีของชุมชนมนุษย์เกิดจากการความตระหนักในภัยที่กำลังคุกคาม และความตระหนักในความดีที่จะเกิดขึ้นจากการร่วมแรงร่วมใจกัน ขณะที่เด็กๆ เติบโตขึ้น ก็ตระหนักมากขึ้นถึงสังคมใหญ่ที่ยึดโยงเหนียวแน่นนั่นคือ ความเป็นชาติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงมีพระราชดำรัสว่า “ความสามัคคีและความถือตัวว่าเป็นไทยนี้ เป็นสิ่งที่มีค่าสูงสุด เพราะเป็นมรดกที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษของเรา และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เรารวมกันอยู่ได้ ให้เราดำรงชาติประเทศและเอกราชสืบมาได้ ทุกคนควรจะได้พยายามรักษาความเป็นไทย และความสามัคคีนี้ไว้ให้มั่นคงในที่ทุกแห่ง อย่ายอมให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดมาทำลายได้”
คำ “พลีชีพไปรังยังคง” ต้องการให้เด็กเปรียบเทียบผึ้งกับตนเอง ในเรื่องความสามัคคีที่รู้จักเสียสละเพื่อส่วนรวม รวมไปถึงความรักชาติ ดังคำ “ชีพม้วย ชาติคง”
คุณค่าพระวรสาร ความเป็นหนึ่ง ความกล้าหาญเชิงศีลธรรม “จงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน มีความรักแบบเดียวกัน มีความรู้สึกนึกคิดอย่างเดียวกัน อย่ากระทำการใดเพื่อชิงดีกัน อย่าเห็นแก่ผลประโยชน์ของตนฝ่ายเดียว จงเห็นแก่ผลประโยชน์ของผู้อื่นด้วย” (ท. ฟป ๒ :๒-๔) “พระเจ้าไม่ได้ประทานจิตของความขลาดกลัว แต่ประทานจิตของความเข้มแข็ง ความรักและการควบคุมตนเองแก่เรา” (ท. ๒ทธ ๑:๗)
ฝ ฝา เฝ้าใฝ่ฝัน ชะตาหยัน สบประสงค์
วาดหวัง ยิ่งยวดยง หวังมั่นคง ฝันให้ไกล
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ กล่าวไว้ว่า “จินตนาการสำคัญกว่าความรู้” เพราะจินตนาการสร้างความหวังให้กับมนุษย์ ความหวังขับเคลื่อนการพัฒนา การดำรงจุดมุ่งหมาย และการฝ่าอุปสรรค เราควรฝึกฝนตนเองให้รู้จักยอมรับความล้มเหลวที่อาจเกิดขึ้น เราต้องไม่ท้อถอยในชีวิต ความหวังยังเป็นคุณธรรมสำคัญที่ทำให้เรายืนหยัดมั่นคงอยู่ในธรรม เราทำดีเพราะเราหวังในผลแห่งความดี นอกจากนี้แล้ว เรายังต้องเป็นความหวังของกันและกันด้วย เราควรเป็นความหวังของคนที่ด้อยโอกาสกว่าเรา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงตรัสไว้ว่า “ความยากจนเรียกร้องให้เราหว่านความหวัง ความยากจนอยู่ในเด็กๆ ที่หิวโหย อยู่ในคนที่เจ็บป่วย และอยู่ในโครงสร้างที่อยุติธรรม”
คำ “ชะตาหยัน” หมายถึงการไม่งอมืองอเท้าปล่อยชีวิตตามชะตากรรม คำ “สบ”แปลว่า พบ คำ “สบประสงค์” ใช้แทนคำ “สมประสงค์” เพื่อสื่อความหมายว่า เพียงพบโอกาสที่จะพยายามทำให้ประสงค์ของตนเป็นจริงก็นับว่ามีค่าแล้ว ส่วนการที่จะสมประสงค์หรือไม่นั้น ไม่สำคัญเท่ากับโอกาสที่ได้พยายามจนถึงที่สุดแล้ว คำ “ยวดยง” แปลว่า เก่งที่สุด เชี่ยวชาญที่สุด
คุณค่าพระวรสาร ความหวัง “จงสวมความเชื่อและความรักเป็นเสื้อเกราะ จงสวมความหวังที่จะได้รับความรอดพ้นเป็นหมวกกันภัย”(ท. ๑ธส ๕: ๘)
พ พาน พบพระพร ประณมกร รับพรไหว้
ชีวิต สุขสดใส รุ่งเรืองได้ ด้วยพระพร
พรแปลว่าสิ่งที่ประเสริฐ ชีวิตผู้ใดมีความประเสริฐทางกาย วาจา ใจ ชีวิตของบุคคลนั้นได้ชื่อว่ามีพรหรือได้รับพร คุณธรรมที่ทำให้ชีวิตประสบความเจริญ หรือมีมงคลชีวิต คือเหตุแห่งความสุขและความก้าวหน้าในการดำเนินชีวิต การที่เรามองชีวิตรุ่งเรืองได้ด้วยพระพร หมายความว่าเรามองโลกในแง่ดี มองในมุมบวก มองดูเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตเป็นการเจริญเติบโต แม้ในเหตุการณ์ที่ยากลำบากในชีวิต ก็เป็นโอกาสที่จะเจริญเติบโต ทำเช่นนี้ได้ ชีวิตย่อมมีความสุข
คำ “พาน” แปลว่า พบปะ มักใช้คู่กับคำ พบ เป็น พานพบ หรือ พบพาน คำ “พร” มีความหมายเดียวกันกับคำ วร แปลว่า ประเสริฐ
คุณค่าพระวรสาร ความเชื่อศรัทธา “พระเจ้าของเราทรงอวยพรแก่เราโดยประทานพระพรนานาประการจากสวรรค์” (ท. อฟ ๑: ๓)
ฟ ฟัน ยังยิ้มแย้ม ปริสองแก้ม สโมสร
เริงร่า สถาพร เอื้ออาทร ทั้งใจกาย
ประเทศไทยเป็นที่รู้จักโดยทั่วไปว่าเป็น “สยามเมืองยิ้ม” เพราะคนไทยมีมิตรไมตรี เอื้ออาทรกับทุกคน รวมถึง สำนวน ยิ้มแก้มปริ หรือ ยิ้มสู้ ย่อมบ่งบอกอุปนิสัยใจคอของคนไทยได้เป็นอย่างดี สังคมควรดูแลซึ่งกันและกัน และดูแลเด็กเยาวชนให้รักษารอยยิ้มแห่งความสุขนี้ไว้อยู่คู่สังคมไทย สังคมที่เป็นมิตร
คำ “ยังยิ้มแย้ม” สื่อว่ารอยยิ้มยังคงอยู่คู่สังคมไทยแม้ในห้วงเวลาวิกฤติทางสังคมที่เกิดความร้าวฉาน คำ “ปริสอง แก้ม” สื่อถึงสำนวน ยิ้มแก้มปริ
คุณค่าพระวรสาร ความยินดี “จงยินดีเสมอ จงภาวนาไม่ขาดสาย จงขอบคุณในทุก ๆ สิ่ง นี่คือพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับเธอ” (ท. ๑ธส ๕:๑๖-๑๘) “จงชื่นชมยินดีที่ชื่อของเธอจารึกไว้ในสวรรค์แล้ว” (ลก ๑๐:๒๐) “จงชื่นชมในพระเจ้าทุกเวลาเถิด ขอย้ำอีกว่า จงชื่นชมเถิด” (ท. ฟป. ๔:๔)
ภ สำเภา สวยโสภา ลมโบยมา แล่นสบาย
พายุ พัดโหมใส่ ศรัทธาไว้ ให้แล่นฝ่า
ศรัทธาเป็นทางมาแห่งความดีทั้งหลาย เป็นธรรมเบื้องต้น ในอันที่จะทำให้บุคคลได้ประกอบคุณงามความดี เป็นบุญกุศลขึ้นมา ศรัทธาคือ เชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ เชื่อในสิ่งที่ไม่สามารถจับต้องมองเห็น แต่ดำรงอยู่จริง เชื่อในมิติทางศาสนาของชีวิต เชื่อในมิติของจิตวิญญาณ เชื่อในมิติของโลกุตระ เชื่อในกรรมดีกรรมชั่ว บาป บุญ คุณ โทษ เพราะความเชื่อเราจึงดำเนินชีวิตอย่างที่เราดำเนินอยู่ ในทางจิตวิทยา ความเชื่อให้ความหมายแก่ชีวิต และความเชื่อในตนเองเป็นรากฐานของวุฒิภาวะ เด็กที่ขาดความเชื่อมั่นในตนเองจะสร้างปมด้อยในชีวิต วิลเลียม เชดด์ กล่าวว่า “เรืออยู่ปลอดภัยในท่า แต่เรือมิได้อยู่เพื่อสิ่งนี้” สำเภาแห่งชีวิตต้องออกเดินทางให้ถึงจุดหมายปลายทาง โดยไม่มีเส้นทางอื่นใด นอกจากทางทะเล แต่ในท้องทะเลมีทั้งคลื่นลมสงบ มีทั้งพายุ สำเภาไม่สามารถถอยหลังเข้าแม่นำ้ คลอง ธาร มันมีอยู่เพื่อออกทะเล คนที่มีศรัทธาจะสามารถฝ่าฟันมรสุมของชีวิตได้อย่างสงบ ไม่หวั่นไหว เมื่อนั้นผู้นั้นคือ สัตบุรุษ สัตบุรุษ แปลว่า คนดี คนสงบ คนที่พร้อมมูลด้วยธรรม คนที่มีศรัทธามีความมั่นใจในชีวตว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในชีวิต ธรรมจัดสรรจะนำพาชีวิตของผู้มีธรรมะให้ถึงจุดมุ่งหมายที่สมบูรณ์ของชีวิต สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกที่ ๑๖ ทรงตรัสไว้ว่า “ความเชื่อศรัทธาไม่คล้อยตามแฟชั่นและนวัตกรรม”
คำ “ศรัทธา” ในภาษาสันสกฤต หรือ “สัทธา” ในภาษาบาลี แปลว่า ความเชื่อ
คุณค่าพระวรสาร ความเชื่อศรัทธา “ความเชื่อคือข้อยืนยันในสิ่งที่เราหวังไว้ เป็นความมั่นใจถึงสิ่งที่มองไม่เห็น เพราะความเชื่อ เราจึงเข้าใจว่าโลกได้ถูกจัดเตรียมไว้โดยพระวาจาของพระเจ้า ดังนั้น สิ่งที่มนุษย์มองเห็นได้จึงเกิดขึ้นจากสิ่งที่มนุษย์มองไม่เห็น” (ท. ฮบ ๑๑:๑-๓) “เพราะความเชื่อ เมื่อโนอาห์ได้รับคำสั่งสอนของพระเจ้าเกี่ยวกับเรื่องที่ยังมิได้เห็น เขาจึงมีความยำเกรงพระองค์และจัดเตรียมสำเภาใหญ่ไว้เพื่อความรอดพ้นของครอบครัวของตน และเพราะความเชื่อนี้เอง เขาตัดสินลงโทษโลก และได้เป็นทายาทแห่งความชอบธรรม ซึ่งบังเกิดมาจากความเชื่อ” (ท. ฮบ ๑๑:๗) “แม้บรรพชนของเรายังมิได้รับสิ่งที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้ พระเจ้าทรงจัดเตรียมสิ่งที่ดีกว่าไว้ให้เรา เพื่อเขาเหล่านั้นจะได้รับความดีบริบูรณ์พร้อมกับพวกเรานั่นเอง” (ท. ฮบ ๑๑:๓๙-๔๐) เปโตรจึงลงจากเรือ เดินบนน้ำไปหาพระเยซูเจ้า แต่เมื่อเห็นว่าลมแรง เขาก็กลัวและเริ่มจมลง จึงร้องว่า “พระเจ้าข้า ช่วยข้าฯด้วย” ทันใดนั้นพระเยซูเจ้าทรงยื่นพระหัตถ์จับเขา ตรัสว่า “เจ้าช่างมีความเชื่อน้อยจริง” (ท. มธ ๒๙:๒๙-๓๑)
ม ม้า ผู้อารี เปี่ยมปรานี กรุณา
อันความ รักเมตตา หลั่งลงมา เหมือนฝนชื่นใจ
“อันว่าความกรุณาปรานี จะมีใครบังคับก็หาไม่
หลั่งมาเองเหมือนฝนอันชื่นใจ จากฟากฟ้าสุราลัยสู่แดนดิน”
ส่วนหนึ่งของบทกลอนในพระราชนิพนธ์ของล้นเกล้ารัชกาลที่ ๖ จากเรื่อง “เวนิสวาณิช” นี้ ได้สร้างคติธรรมที่หยั่งรากลึกในสังคมไทย สังคมแห่งความเมตตากรุณา เมตตาค้ำจุนโลก ทำให้สังคมเกาะยึดเหนี่ยวกัน หากจะหาความดีบริบูรณ์ของมนุษย์ว่าอยู่ที่ใด ย่อมพบได้ในความเมตตากรุณา มนุษย์พบความดีบริบูรณ์ เมื่อเจริญอยู่ร่วมกันโดยไม่เบียดเบียนกัน ไม่แบ่งชั้นแบ่งขั้ว ไม่กีดกัน เมตตากรุณาต่อสัตว์โลกโดยทั่วหน้า เมตตากรุณาฉายส่องลงมาดั่ง แสงตะวันบนทุกแปลงสวนไร่นา โดยไม่เลือกหน้า เมตตากรุณาหลั่งลงมาดั่งสายฝนบนทุกหย่อมหญ้า ไม่มีการกีดกัน นำมาซึ่งความชื่นใจและสันติสุข
คำ“ม้าอารี” เป็นคำเปรียบคนที่ใจดีเอื้อเฟื้อต่อผู้อื่น คำกล่าวนี้มาจากนิทานเรื่อง ม้าอารี ความว่า ชาวนาเลี้ยงม้าไว้ในคอกที่มีหลังคา แต่เลี้ยงวัวไว้ในที่โล่ง เมื่อฝนตกวัววิ่งมาขออาศัยหลบฝนกับม้า แรกๆ ก็ขอเพียงยื่นหัวเข้าไป ต่อมาก็ขอขยับตัวเข้าไป จนเบียดเข้าไปอยู่ในคอก ทำให้ม้าหลุดออกไปจากคอก
คุณค่าพระวรสาร ความรัก เมตตา “พระเจ้าโปรดให้ดวงอาทิตย์ของพระองค์ขึ้นเหนือคนดีและคนชั่ว โปรดให้ฝนตกเหนือคนชอบธรรมและคนอธรรม” (ท. มธ ๕:๔๕) “จงเป็นผู้เมตตากรุณาดังที่พระบิดาของเธอทรงเมตตากรุณาเถิด” (ท. ลก ๖:๓๖)
ย ยักษ์ ยุติธรรม ธรรมน้อมนำ คราครั้งใด
ขัดแย้ง ยุติไป หักห้ามใจ ไม่เมามัว
สันติสุขในสังคมเป็นผลมาจากความยุติธรรม ความเที่ยงธรรมย่อมยุติความขัดแย้งในสังคม ความยุติธรรมเกิดขึ้นได้ในสังคม เมื่อสังคมนั้นให้ความเสมอภาคแก่ทุกคน มนุษย์ทุกคนมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน ทุกคนมีสิทธิมนุษยชนเท่าๆ กัน ความยุติธรรมจึงเป็นผลของการเคารพสิทธิและศักดิ์ศรีของกันและกัน เด็กทุกคนควรได้รับการปฏิบัติอย่างยุติธรรม และได้รับการบ่มเพาะท่าทีจิตใจที่เอายุติธรรมเป็นที่ตั้ง แต่ละคนต้องยุติธรรมต่อผู้อื่นก่อนเรียกร้องความยุติธรรมต่อตนเอง
คำ “ยุติ” แปลว่า จบ เลิก และยังมีความหมายว่า ชอบ ถูกต้อง ตามรากศัพท์ภาษาบาลีและสันสกฤต คำ “ยุติธรรม” แปลว่า ความเที่ยงธรรม ความชอบด้วยเหตุผล
คุณค่าพระวรสาร ความยุติธรรม การคืนดี “เพราะว่าเธอใช้ทะนานใดตวงให้ผู้อื่น พระเจ้าก็จะทรงใช้ทะนานนั้นตวงตอบแทนให้เธอด้วย” (ท. ลก ๖: ๓๘)
ร เรือ เรารู้รัก อุปสรรค คือเห็นแก่ตัว
ความรัก ถี่ถ้วนทั่ว สละตัว ยอมลำบาก
ความรักเป็นคุณธรรมที่สำคัญที่สุด สูงส่งที่สุด ความรักเป็นจุดหมายปลายทางของชีวิต ความรักเป็นสารัตถะของชีวิต คำจำกัดความของความรักคือความไม่เห็นแก่ตัว คือการเสียสละ รักแท้ต้องรู้จักให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน รักที่ไม่สละคือความใคร่ ใจที่ไม่ให้คือใจไม้ไส้ระกำ ผลสละและผลระกำที่มีรูปคล้ายกันนี้ให้ความหมายที่ชัดเจนของความรัก หากจะสรุปคำสอนของพุทธศาสนาในประโยคเดียว ท่านพุทธทาสสรุปว่า “อย่าเห็นแก่ตัว” หลักปฏิบัติขั้นพื้นฐานของความรักคือ ปฏิบัติดีต่อผู้อื่นดังที่อยากให้ผู้อื่นปฏิบัติดีต่อตน หลักปฏิบัติขั้นสูงของความรักคือ ปฏิบัติดีต่อผู้อื่นแม้ผู้นั้นไม่สมควรจะได้รับการปฏิบัติดี นักจิตวิทยาเรียกความรักขั้นสูงนี้ว่า รักที่ไม่มีเงื่อนไข ดาไล ลามะ ตรัสว่า “รักเมตตาเป็นสิ่งจำเป็น มิใช่สิ่งฟุ่มเฟือย ขาดรักเมตตาเสียแล้ว มนุษยชาติมิอาจอยู่รอด”
คำ “ถี่ถ้วนทั่ว” สอนว่า เด็กควรได้รับการปลูกฝังให้รู้จักรักผู้อื่น แม้กระทั่งบุคคลที่ไม่สมควรที่จะรัก นี่คือบทพิสูจน์ของรักแท้
คุณค่าพระวรสาร ความรัก “ความรักย่อมอดทน ไม่จองหอง ไม่เห็นแก่ตัว ความรักเชื่อทุกอย่าง หวังทุกอย่าง” (ท. ๑คร ๑๓:๔-๗)
ล ลิง วิ่งว่องไว เกาะแกว่งไกว อยู่นิ่งยาก
ต้องปิด หูตาปาก ฝึกให้มาก สมาธินิ่ง
เจ้าวอกเป็นสัญลักษณ์ของการวอกแวก ด้วยอุปนิสัยของมันลิงเป็นสัตว์ที่อยู่ไม่นิ่ง เพื่อขจัดสิ่งที่ทำให้วอกแวก เด็กควรได้รับการฝึกสมาธิ ได้รับการปลูกฝังให้รู้คุณค่าของความเงียบ การเจริญสติ มีสมาธิ ถือเป็นคุณค่าและทักษะที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในยุคดิจิตัล ยุคที่เด็กเสี่ยงเกิดวินโดวส์
ซินโดรม มีการศึกษาว่าสีผสมอาหาร สารกันบูด สารปรุงแต่งอาหารบางชนิด และปริมาณมากเกินของน้ำตาลอาจก่อให้เกิดหรือเพิ่มอาการของโรคสมาธิสั้นในเด็ก นอกจากการสอนสุขลักษณะในการเจริญชีวิตแล้ว เราควรสอนเด็กให้มีความลึกซึ้งในชีวิต ไม่ดำเนินชีวิตอย่างผิวเผิน แต่แสวงหาสัจธรรมของชีวิต รู้จักไตร่ตรองหาความหมายที่ลึกซึ้งของความรู้ที่เล่าเรียน และของเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น การฝึกสมาธิในโรงเรียนควรจะเป็นจุดแข็งของระบบการศึกษาไทย เมื่อเทียบกับการศึกษาของชาติอื่น จุดแข็งนี้น่าได้รับการส่งเสริมให้ปฏิบัติอย่างจริงจังในทุกโรงเรียน
คำ “ปิดหูตาปาก” ไม่ได้มีความหมายตามคำกล่าว ปิดหูปิดตา แต่หมายความว่า ปิด หู ตา ปากกับสิ่งที่ทำให้วอกแวก รู้จักเจริญสติ มีสมาธิ
คุณค่าพระวรสาร การไตร่ตรอง สมาธิ “ประกายไฟเพียงนิดเดียวก็เผาป่าอันกว้างใหญ่ไพศาลให้วอดวายได้ ลิ้นก็เป็นเหมือนไฟ เผาผลาญเราได้ มนุษย์ฝึกสัตว์ป่า นก หรือสัตว์เลื้อยคลานตลอดจนสัตว์น้ำทุกชนิด ให้เชื่องได้ ส่วนลิ้นนั้นไม่มีมนุษย์คนใดทำให้เชื่องได้” (ท. ยก ๓:๕-๘)
ว แหวน เอาไว้หมั้น สวมให้มั่น รักกันจริง
มั่นคง ไม่ทอดทิ้ง ภักดียิ่ง ตลอดไป
เมื่อเด็กเกิดมาในครอบครัว เขาควรเรียนรู้ที่จะภักดีต่อวงศ์ตระกูล ไม่ประพฤติปฏิบัติในสิ่งที่นำความเสื่อมเสียมาสู่วงศ์ตระกูล เช่นเดียวกันเมื่อเขาสมัครเข้าสถาบันการศึกษา เขาก็พยายามนำชื่อเสียงมาสู่สถาบันการศึกษา เมื่อเขาเข้าทำงานในองค์กรใด เขาก็มีความภักดีต่อองค์กรนั้น โดยทำให้องค์กรเจริญก้าวหน้า ไม่แพร่งพรายความลับขององค์กร ที่สำคัญคือ เมื่อเขาสมัครใจอยู่ร่วมชีวิตกับใคร เขาจะต้องซื่อสัตย์ภักดีต่อคู่ชีวิตของตน ชีวิตสมรสจึงจะมีความสุข ครอบครัวจึงจะมีความอบอุ่น ความซื่อสัตย์ภักดีในครอบครัวจึงเป็นที่มาของคำว่า สามิภักดิ์
คำ “หมั้น” พ้องเสียงกับคำ “มั่น” คำ “ภักดี” แปลว่า ความจงรัก ความเลื่อมใสยิ่ง มีความเชื่อมโยงกับคำ “สามิภักดิ์” แปลว่า การซื่อตรงจงรักต่อสามี ได้มาจากคำ สามี และ ภักดี ในสมัยปัจจุบันที่มีความเสมอภาค ฝ่ายชายต้องมี “สามินีภักดิ์” ด้วย แปลว่า การซื่อตรงจงรักต่อหญิงผู้เป็นเจ้าของ
คุณค่าพระวรสาร ความซื่อตรง ความภักดี “ชายจะละบิดามารดาไปผูกพันกับภรรยาของตน ชายหญิงจะเป็นเนื้อเดียวกัน ดังนี้ เขาจึงไม่เป็นสองอีกต่อไป แต่เป็นเนื้อเดียวกัน ดังนั้นสิ่งที่พระเจ้าทรงรวมกันไว้ มนุษย์อย่าแยกเลย ผู้ใดหย่าร้าง และแต่งงานกับอีกคนหนึ่ง ก็ทำผิดประเวณี” (ท. มก ๑๐:๘-๙,๑๑)
ศ ศาลา พาอบอุ่น เอื้อเกื้อหนุน จุนเจือใจ
รู้รัก เป็นร่มไทร รู้รับใช้ เป็นร่มโพธิ์
กลอนดั้งเดิมกล่าวถึง ศ ศาลา เงียบเหงา เพื่อคล้องจองกับ ษ ฤาษีหนวดยาว แต่กลอนนี้ต้องการสื่อความหมายในทางตรงกันข้ามคือ ศาลาที่ให้ความอบอุ่น ดังคำกล่าว ศาลาพักใจ การเป็นร่มโพธิ์ร่มไทร หมายถึง การป้องกันความเดือดร้อน การเป็นศาลาพักใจ การรักและรับใช้คนที่ต้องการความช่วยเหลือ
คำ “ร่มโพธิ์ร่มไทร” หมายถึง ผู้ที่ป้องกันความเดือดร้อน
คุณค่าพระวรสาร ความรัก การรับใช้ “จงรับใช้ซึ่งกันและกันด้วยความรัก เพราะธรรมบัญญัติทั้งหมดสรุปได้เป็นข้อเดียวว่า จงรักเพื่อนมนุษย์ เหมือนรักตนเอง” (กท ๕:๑๓-๑๔)
ษ ฤาษี ภาวนา สงบจริงหนา พาสุโข
แจ่มใส ในมโน หยุดยโส จิตแจ่มชัด
การภาวนาเป็นการรักษาใจ รักษาจิต และซักฟอกจิตให้เบาบางหรือจนหมดกิเลส อันได้แก่ ความโลภ ความโกรธ และความหลง การภาวนาจึงเป็นการบำเพ็ญบุญบารมีที่สูงสุด ประเสริฐที่สุด ได้บุญมากที่สุด เป็นกรรมดีอันยิ่งใหญ่ การภาวนาในระดับที่ลึกซึ้งเป็นจิตที่คิดและใคร่ครวญหาเหตุและผลในสภาวธรรม จึงกล่าวว่าเป็นการเดินทางของจิตไปสู่ความบริสุทธิ์ การภาวนาจึงเป็นกิจพึงกระทำที่นำความสุขความยินดีที่แท้จริงมาสู่ชีวิต
คำ “ภาวนา” แปลว่า การทำให้มีขึ้นทางจิตใจ มาจากคำ “ภาวะ” แปลว่า ความมี ความเป็น เสียงคำ “ภาวนา” คล้องจองกับคำ “ภายในมโน” คำ “เยื้อง” แปลว่า เดินอย่างไว้ท่าทาง คำ “อนุโมทนา” แปลว่า พลอยยินดี คำ “วัตร” แปลว่า กิจพึงกระทำ หน้าที่
คุณค่าพระวรสาร ภาวนา “จงยินดีเสมอ จงภาวนาไม่ขาดสาย จงขอบคุณในทุกๆ สิ่ง นี่คือพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับเธอ” (ท. ๑ธส ๕:๑๖-๑๘) “อย่ากระวนกระวายใจถึงสิ่งใดเลย จงทูลพระเจ้าให้ทรงทราบถึงความปรารถนาทุกอย่างของเธอโดยคำอธิษฐาน” (ท. ฟป ๔:๖)
ส เสือ แสนซื่อสัตย์ ปฏิบัติ ข้อผูกมัด
“เสียชีพ อย่าเสียสัตย์” ปฏิบัติ ที่สัญญาไว้
“ด้วยเกียรติของลูกเสือ” เป็นคำกล่าวสากล หมายความว่า เป็นความสัตย์จริง ความซื่อสัตย์นับว่าเป็นคุณธรรมที่ จำเป็นขั้นวิกฤตในสังคมไทยปัจจุบัน สถาบันศาสนา สถาบันการศึกษา สถาบันครอบครัว และสถาบันสื่อควรหันมาพิจารณาอย่างจริงจังว่าจะหล่อหลอมให้เยาวชนมีความซื่อสัตย์ ซื่อตรง ได้อย่างไร เป็นที่น่าสังเกตว่า ระบบการศึกษาของเราบังคับให้เด็กทุกคนร่วมกิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด แต่เรายังไม่สามารถกล่าวได้ว่า เราประสบความสำเร็จในการบริรูปหล่อหลอมคุณธรรมประจำใจของลูกเสือ แม่ชีเทเรซากล่าวว่า “จงซื่อสัตย์ ในสิ่งเล็กๆ พลังของท่านอยู่ในสิ่งเล็กๆ เหล่านี้”
คำ “เสียชีพอย่าเสียสัตย์” เป็นคำปฏิญาณของลูกเสือที่เด็กทุกคนรู้จักดี คำ “สัตย์” และ “ปฏิบัติ” ปรากฏสองครั้ง มีนัยว่าเน้นย้ำความสำคัญ
พระวรสาร ความซื่อตรง “ผู้ที่ซื่อสัตย์ในเรื่องเล็กน้อย ก็จะซื่อสัตย์ในเรื่องใหญ่ด้วย ผู้ที่ไม่ซื่อสัตย์ในเรื่องเล็กน้อย ก็จะไม่ซื่อสัตย์ในเรื่องใหญ่ด้วย” (ลก ๑๖:๑๐)
ห หีบ ไว้ใส่ทรัพย์ อันสมบัติ นั้นแบบไหน
อริยทรัพย์ นั่นยังไง อยู่ในใจ ดำรงมั่น
องค์การ การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก ได้เน้นว่าการศึกษาต้องทำให้ผู้เรียนค้นพบ “ทรัพย์ในตน” ขุมทรัพย์ที่แท้จริงมิได้อยู่วัตถุสิ่งของ แต่อยู่ภายในตัวมนุษย์เอง คือความดีของมนุษย์ ขุมทรัพย์นี้ไม่มีขโมยมาฉกชิง ไม่มีมอดมากัดกิน ไม่มีสนิมมากัดกร่อน ขุมทรัพย์แห่งความเป็นมนุษย์นี้ เป็นสิ่งที่คู่ควรแก่การสาละวน เราไม่ควรสาละวนอยู่เพียงแต่ทรัพย์สมบัติภายนอกเท่านั้น ขุมทรัพย์อยู่ที่ใด ใจอยู่ที่นั่น
คำ “อริยทัพย์” แปลว่า ทรัพย์อันประเสริฐ ได้แก่ ศรัทธา ศีล หิริ โอตตัปปะ พาหุ สัจจะ จาคะ ปัญญา
คุณค่าพระวรสาร ศักดิ์ศรี “อย่าสะสมทรัพย์สมบัติบนแผ่นดินนี้เลย ที่นี่ทรัพย์สมบัติทั้งหลายถูกสนิมและขมวนกัดกิน และถูกขโมยเจาะช่องเข้ามาขโมยไปได้ แต่จงสะสมทรัพย์สมบัติในสวรรค์เถิด ที่นั่นไม่มีสนิมหรือขมวนกัดกิน และขโมยก็เจาะช่องเข้ามาขโมยไปไม่ได้ เพราะทรัพย์สมบัติของเธออยู่ที่ใด ใจของเธอก็จะอยู่ที่นั่นด้วย” (ท. มธ ๖:๑๙-๒๑) “คนดีย่อมนำสิ่งที่ดีออกจากขุมทรัพย์ที่ดีในใจของตน ส่วนคนเลวย่อมนำสิ่งที่เลวออกมาจากขุมทรัพย์ที่เลวของตน” (ลก ๖:๔๕) “ถ้าเธอไม่ซื่อสัตย์ในเรื่องเงินทองของโลกอธรรมแล้ว ผู้ใดจะวางใจมอบสมบัติแท้จริงให้เธอดูแลเล่า” (ท. ลก ๑๖:๑๑)
ฬ จุฬา ท่าผยอง รักปกป้อง ศักดิ์ศรีฉัน
ดุจเกลือ เค็มอนันต์ ตะเกียงอัน จรัสแสง
กลอน ฬ จุฬา มาต่อจาก กลอน ห หีบ คำสอน ฬ จุฬา สืบเนื่องต่อจาก ห หีบ เช่นกัน อริยทรัพย์ในตนคือ ศักดิ์ศรีของมนุษย์ คำกล่าวที่ว่า “ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน” น่าจะจริงในแง่หนึ่ง แต่ไม่จริงในอีกแง่หนึ่ง จริงในแง่ที่ว่า คนที่ดีแต่พูด แต่ในการกระทำไม่ยอมทำตามที่พูด คนเช่นนี้ย่อมไร้ค่า แต่คำกล่าวนี้ไม่จริงในแง่ที่ว่า คนพิการ คนเจ็บป่วย คนชรา หากไม่สามารถทำงานได้ ไม่สามารถเป็นกำลังผลิตของสังคมได้ คนเหล่านี้ไม่มีค่าอีกต่อไปกระนั้นหรือ แท้จริงแล้ว ค่าของคนจึงไม่ได้อยู่ที่ผลของงาน แต่อยู่ที่ความเป็นคนของเขา อยู่ที่ความดีของเขา ศักดิ์ศรีที่แท้จริงของมนุษย์อยู่ที่ความดีของตน เราจึงต้องรักษาความดีเอาไว้ตลอดไป เปรียบเสมือนเกลือรักษาความเค็มไม่มีสิ้นสุด เหมือนตะเกียงที่ลุกติดอยู่เสมอ ส่องแสงสว่างตลอดไปไม่มีวันดับ
คำ “อนันต์” แปลว่า ไม่มีสิ้นสุด
คุณค่าพระวรสาร ศักดิ์ศรี “เธอเป็นเกลือดองแผ่นดิน ถ้าเกลือจืดไปแล้ว จะเอาอะไรมาทำให้เค็มอีกเล่า เธอเป็นแสงสว่างส่องโลก แสงสว่างของเธอต้องส่องแสงต่อหน้ามนุษย์ เพื่อคนทั้งหลายจะได้เห็นกิจการดีของเธอ และสรรเสริญพระบิดาของเธอผู้สถิตในสวรรค์” (ท. มธ ๕:๑๓, ๑๔, ๑๖)
อ อ่าง อันเนืองนอง ไม่เคยพร่อง น้ำจัดแจง
บันได ไม่เคยแห้ง เพราะไม่แล้ง น้ำใจทุกวัน
ความมีน้ำใจอยู่คู่สังคมไทยมาโดยตลอด เป็นที่น่าสังเกตว่าความมีน้ำใจในสังคมเมืองแสดงออกในลักษณะที่เปลี่ยนไป ความเป็นชุมชนในชนบทยังยึดเหนี่ยวกันเป็นชุมชนทางกายภาพ เพื่อนบ้านคือบ้านที่อยู่ติดกัน แต่ในสังคมเมืองความเป็นชุมชนขยายออกไปถึงเพื่อนในโรงเรียน ในที่ทำงาน ในสถานนันทนาการ แม้กระทั่งในท้องถนนที่เราต้องพบกับเพื่อนร่วมทาง และในสังคมออนไลน์ เด็กควรได้รับการปลูกฝังให้รู้จักแสดงความมีน้ำใจกับผู้คนในชุมชนขยายส่วนเหล่านี้ และในขณะเดียวกันก็ให้รู้จักแสดงความมีน้ำใจกับคนที่อยู่รอบข้างจริงๆ ด้วย กับคนที่อยู่ห้องแถวเดียวกัน คนที่อยู่ทาวน์เฮาส์เดียวกัน คนที่อยู่คอนโดเดียวกัน
คำ “เนืองนอง” แปลว่า หลั่งไหลไม่ขาดสาย มีมากต่อเนื่องกันไม่ขาดสาย คำ “บันไดไม่เคยแห้ง” มาจากสำนวน “หัวบันไดไม่แห้ง” เพราะมีผู้คนหลั่งไหลมาเยี่ยมเยือนถึงเรือนไม่ขาดสาย
คุณค่าพระวรสาร ความรัก การรับใช้ “แบ่งปันเกื้อกูลกันในยามที่ผู้อื่นขัดสน ต้อนรับกันด้วยอัธยาศัยไมตรี” (ท. รม ๑๒:๑๓) “อย่าละเลยที่จะต้อนรับแขกแปลกหน้า ขณะที่ต้อนรับแขกแปลกหน้านั้น บางคนได้ต้อนรับทูตสวรรค์โดยไม่รู้ตัว” (ท. ฮบ ๑๓:๒)
ฮ นกฮูก ตาโตโต โอโอ้โฮ! มหัศจรรย์
ธรรมชาติ รอบเรานั้น อัศจรรย์ จริงเลยเอย
เมื่อท่องกลอน ก เอ๋ย ก ไก่ มาถึงคำสุดท้าย เด็กจะมีอารมณ์เป็นสุข มิเพียงที่ท่องสำเร็จจนจบแล้วเท่านั้น แต่เพราะคำสุดท้าย ฮ นกฮูก ตาโต มีความน่ารักในตัวมันเอง ความรู้สึก “ตาโต” ของเด็กผู้อยากรู้อยากเห็น อยากเรียนรู้ อยากเจริญนั้น ควรได้รับการหล่อเลี้ยงไปจนตลอดชีวิต โรงเรียนควรเป็นหน้าต่างเปิดสู่โลกกว้างที่เด็กเรียนรู้เกี่ยวกับโลก มนุษย์และชีวิต ในการเรียนรู้นี้ เด็กควรได้รับการปลูกฝังให้เห็นความน่ามหัศจรรย์ใจของธรรมชาติและชีวิต มีความซาบซึ้งในสุนทรียภาพของศิลปะ ดนตรี เพราะสุนทรียภาพเป็นพื้นฐานของจริยธรรม
คำ “โอ้โฮ!” ให้เสียง ฮ นกฮูก สัมผัสกับคำ “ตาโต”
คุณค่าพระวรสาร ความมห้ศจรรย์ใจในสิ่งสร้าง “จงสังเกตดูดอกไม้ในทุ่งนาเถิด ดอกไม้ไม่ปั่นด้ายหรือทอผ้า แต่กษัตริย์ซาโลมอนเมื่อทรงเครื่องอย่างหรูหราก็ยังไม่งดงามเท่าดอกไม้นี้ดอกหนึ่ง” (ลก ๑๒: ๒๗)
สามารถใช้เพื่อการศึกษาได้ครับ
ตอบลบสุดยอดครับ ขอบคุณมาก
ตอบลบขอบคุณมาก
ลบสุดยอดครับ ขอบคุณมาก
ตอบลบกราบขอบพระคุณค่ะ
ตอบลบ